การจัดอันดับ 15 แบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุดประจำปี 2015

ฟอร์บส์ เปิดโผ 15 แบรนด์ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดจากการสำรวจถึงไตรมาสแรกของปี 2015 มาดูกันว่าเงินของเราเข้ากระเป๋าธุรกิจเหล่านี้ไปเท่าไร

          หากให้ลองเอ่ยชื่อ "แบรนด์ธุรกิจ" ที่มีชื่อเสียงระดับโลก คำตอบของคนส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นชื่อแบรนด์ดัง ๆ ที่ตัวเองเป็นลูกค้าหรือมักได้ยินติดหูจากการโฆษณา และเชื่อได้เลยว่าในคำตอบเหล่านั้นต้องมีหนึ่งใน 15 แบรนด์ธุรกิจดังที่เว็บไซต์ Forbes หยิบยกมาบอกให้รู้ว่า นี่คือแบรนด์ที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงสุด จากการสำรวจจนถึงไตรมาสแรกของปี 2015 

1. Apple มูลค่าแบรนด์ : 145.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          Apple ถือเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ ถึง 2 เท่า โดยในไตรมาสที่ 4 ของ ปี 2014 Apple สามารถขายสมาร์ทโฟนได้มากถึง 74.8 ล้านเครื่อง ซึ่งรายงานผลประกอบการของ Apple ในช่วงปีที่ผ่านมาก็มียอดสูงขึ้นถึง 49% นอกจากนี้ Apple ยังรายงานว่าบริษัทมีกำไรในไตรมาสดังกล่าวสูงถึง 18 พันล้าน โดยถือเป็นไตรมาสแรกที่ Apple มียอดขายโทรศัพท์สูงกว่า Samsung แบรนด์คู่แข่ง นับตั้งแต่ปี 2011

2. Microsoft มูลค่าแบรนด์ : 69.3 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          ยอดขายกว่า 94 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ก็ทำให้บริษัท Microsoft กลับขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจอีกครั้งภายใต้การบริหารของ CEO ใหญ่อย่าง Satya Nadella นอกจากนี้บริษัทยังทุ่มเงินกว่า 11 พันล้านเหรียญในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สมกับการเป็น 1 ใน 3 บริษัทชั้นนำทางเทคโนโลยีมาตลอด 40 ปี โดย Windows 10 ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ Microsoft ก็กำลังจะเปิดตัวในช่วงซัมเมอร์ของปีนี้ และคาดว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ซึ่ง Microsoft ได้วางแผนการอัพเดทระบบ Windows 10 เอาไว้อย่างต่อเนื่อง โดย Microsoft ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีผู้ใช้ Windows 10 เพิ่มขึ้นหลังจากเปิดตัวในปี 2014 ถึง 1 พันล้านคนภายในปี 2018

3. Google มูลค่าแบรนด์ : 65.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          Google ยังคงเป็นเสิร์ชเอนจินที่โดดเด่นในสหรัฐฯ โดยในไตรมาสแรกของปี 2015 Google มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 64.4% แม้ว่าจะลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 3.1% แต่ถึงอย่างไรก็ตามปัญหาของ Google ที่เกิดขึ้นในยุโรป ในเรื่องที่คณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งกล่าวโทษว่า Google ละเมิดกฎหมายการผูกขาด ทำให้ Google ต้องเผชิญหน้ากับการจ่ายค่าปรับสูงถึง 6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ นับเป็น 10% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสแรกในปี 2015

4. Coca - Cola มูลค่าแบรนด์ : 56 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          แบรนด์ Coca - Cola มีกำไรในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 0.1 % ในปี 2014 แต่การเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยนี่กลับมีนัยสำคัญที่น่าสนใจ เพราะการเพิ่มขึ้นของกำไรส่วนนี้เป็นการเพิ่มขึ้นในส่วนของตลาด­­­­ครัวเรือนครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2000 แต่ข่าวร้ายก็คือ สัดส่วนกำไรของน้ำอัดลมไดเอทกลับลดลงถึง 6.6 % และรายได้สุทธิของบริษัทก็ลดลงกว่า 17% ในปีที่ผ่านมา โดยบริษัท Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตนั้นมีสัดส่วนหุ้นของ Coca Cola อยู่ถึง 9.3%

5. IBMมูลค่าแบรนด์ : 49.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          ยอดขายของ IBM ลดลงอย่างต่อเนื่องมากว่า 12 ไตรมาส สืบเนื่องมาจากความเปลี่ยนแปลงของตลาดที่ให้ความสนใจกับฮาร์ดแว­­­­ร์ลดลงและให้ความสนใจกับระบบ Cloud Computing มากขึ้น ซึ่งระบบ Cloud มีรายได้สูงขึ้นกว่า 60% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 ในขณะเดียวกัน IBM ก็กลับสร้างรายได้จากนอกสหรัฐฯ ได้มากกว่าครึ่ง

6. McDonald's มูลค่าแบรนด์ : 39.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          Mcdonnald's ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ให้บริการลูกค้าวันละกว่า 69 ล้านคนในมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการกินข­องลูกค้าในสหรัฐฯ และความกังวลเรื่องความปลอดภัยของอาหารจากหลาย ๆ ประเทศในทวีปเอเชีย ทำให้ยอดการขายตกลงกว่า 11 % ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 บริษัทจึงมีนโยบายที่จะปิดตัวสาขาที่มีผลประกอบการต่ำกว่าที่ตั­­­­้งเป้าไว้ถึง 700 สาขาในปีนี้ โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และญี่ปุ่น

7. Samsung มูลค่าแบรนด์ : 37.9 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          คู่แข่งสำคัญของ Apple อย่าง Samsung ต้องเผชิญหน้ากับยอดขายที่ค่อย ๆ ตกลงตั้งแต่ปีที่แล้ว อันเนื่องมากจากการเปิดตัวของ iPhone 6 การเปิดตัวของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนราคาถูกอย่าง Xiaomi แต่บริษัท Samsung ก็หวังจะกลับมาผงาดอีกครั้งด้วยการเปิดตัวโทรศัพท์ Samsung Galaxy S6 และในช่วงปีที่ผ่านมา Samsung ก็ใช้เงินกว่า 3.8 พันล้านเหรียญไปในการโฆษณา ซึ่งมากกว่าที่ Apple ใช้เพื่อโปรโมท iPhone 6 ถึง 3 เท่า

8. Toyota มูลค่าแบรนด์ : 37.8 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          Toyota เป็นแบรนด์ยานยนต์ที่มีกำไรมากที่สุดในโลก บริษัทสามารถฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้ด้วยการได้รับรายได้สุทธิ­กว่า 19.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปีงบประมาณล่าสุด นอกจากนี้ยังเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกโดยว­­­­ัดจากยอดขายในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และสามารถขายรถยนต์ได้มากกว่า 10.23 ล้านคันในปี 2014

9. General Electric (GE) มูลค่าแบรนด์ : 37.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          หลังจากการประกาศถึงแนวโน้มของตลาดหุ้นดาวโจนส์ในเดือนเมษายน ที่เปิดเผยว่าผู้ลงทุนกำลังให้ความสนใจไปที่ธุรกิจอุตสาหกรรม ทำให้ GE คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่า 90 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และสามารถลงทุนอีกกว่า 50 พันล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อหุ้นกลับและนำบริษัทในกลุ่มธุรกิจเ­­­­ข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้เร็ว ๆ นี้

10. Facebook มูลค่าแบรนด์ : 39.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          Facebook ถือเป็นแบรนด์ที่สามารถทำผลกำไรได้มากกว่าทุก ๆ แบรนด์ที่จัดอันดับมา โดยสามารถเติบโตได้สูงถึง 54 % และมีผู้ใช้งาน Facebook มากถึง 936 ล้านคนในปี 2015 โดยมากกว่า 83 % ของผู้ใช้นั้นเป็นผู้ที่อาศัยอยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกาแทบทั้ง­­สิ้น ทั้งนี้ยังมีผู้ใช้งานต่อเดือนมากถึง 1.44 พันล้านคน นอกจากนี้ Facebook ยังได้ประกาศตัวเป็นคู่แข่งกับ Youtube ในเรื่องของสื่อวิดีโอ และในเดือนเมษายนที่ผ่านมา Facebook ได้รายงานว่ามีผู้ใช้เข้าชมวิดีโอที่ถูกโพสต์ใน Facebook มากกว่า 4 พันล้านคนต่อวัน ซึ่งสูงกว่า 4 เท่าในช่วง 7 เดือนก่อน

11. Disney มูลค่าแบรนด์ : 34.6 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          จากความสำเร็จของภาพยนตร์แอนิเมชั่นอย่าง Frozen ที่กวาดรายได้ไปกว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก ทำให้ Frozen กลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุดและเป็นอันดับ 6 จากภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอีกด้วย ซึ่งนอกจากรายได้จากตั๋วชมภาพยนตร์แล้ว Disney ยังสามารถขายลิขสิทธิ์ของ Frozen ได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญในปีทีแล้ว ทำให้ CEO ของ Walt Disney อย่าง Bob Iger เรียก Frozen ว่าเป็น 1 ใน 5 ของทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้กับ Disney ไปเรียบร้อย

12. AT&T มูลค่าแบรนด์ : 29.1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          AT&T เป็นผู้นำทางด้านธุรกิจการสื่อสารด้วยอัตราการเติบโต 1.02 % ในไตรมาสแรกของปี 2015 ซึ่งถือเป็นผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีที่สุดนับตั้งแต่จัดตั้งบ­­­­ริษัท แบรนด์ AT&T เป็น 1 ในผู้สนับสนุนหลักรายใหญ่ในด้านกีฬา และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในการตั้งชื่อการแข่งขันบาสเกตบอลรายกา­ร 2014 NBA champion San Antonio Spurs. 2014 World Series-winning San Franciso Giant และ Dallas Cowboys ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันฟุตบอลมหาวิทยาลัยในปี­ 2015 อีกด้วย

13. Amazon.com มูลค่าแบรนด์ : 28.1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          Amazon.com มียอดขายในช่วง 12 เดือนล่าสุดกว่า 92 พันล้านเหรียญ โดยมีการคาดการณ์ว่า Amazon.com จะสามารถมียอดขายถึง 200 พันล้านเหรียญภายในปี 2020 นอกจากนี้รายรับจากธุรกิจ Cloud นั้นก็ยังเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปี 2015 ถึง 75 %

14. Louis Vuitton มูลค่าแบรนด์ : 28.1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          Louis Vuitton มีรายรับในปีที่ผ่านเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 9% แต่กลับหลุดจาก 10 อันดับของแบรนด์ทรงคุณค่าในปีนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Louis Vuitton ก็ยังคงติดอันดับเป็นแบรนด์ชั้นนำที่ทรงคุณค่าและยังเป็นหนึ่งใ­­­­นแบรนด์ที่มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ถึง 35 %

15. Cisco มูลค่าแบรนด์ : 27 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

          Cisco เป็นหนึ่งในแบรนด์ธุรกิจทางด้านอุปกรณ์ระบบเครือข่ายที่ซึ่งกำล­­­­ังจะมีผู้บริหารใหม่หลังจากที่ CEO คนปัจจุบันอย่าง John Chambers ประกาศที่จะลงจากตำแหน่งในเดือนกรกฎาคมปี 2015 หลังจากที่บริหารงานมายา­­วนานถึง 20 ปี โดยรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 1 พันล้านเหรียญ เป็น 48 พันล้านเหรียญด้วยฝีมือการบริหารของ John Chambers นอกจากนี้แบรนด์ยังออกแคมเปญโฆษณาที่ใช้เงินไปกว่า 100 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย

          ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว จะเห็นได้ว่าแบรนด์ทรงคุณค่าที่ติด 1 ใน 15 อันดับนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจด้านการสื่อ­­­­สารและเทคโนโลยี สะท้อนให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่าธุรกิจในด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นกลไกลสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของโลกในปัจ­­­­จุบันและต่อเนื่องไปในอนาคตอีกด้วย

ขอบคุณที่มาจาก :