ความจริงเบื้องหลังของคนที่ใส่หูฟังแต่ไม่ได้เปิดอะไรฟัง!
ถ้าถามถึงอวัยวะชิ้นที่ 33 ที่คนมักจะพกติดตัวเสมอจนแทบจะอยากให้มันละลายติดมือไปด้วยเลยจะได้ไม่ลืม หลาย ๆ คนอาจเลือกตอบโทรศัพท์มือถือ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรที่คนในสังคมยุคนี้จะติดโทรศัพท์หนักมากชนิดที่ขาดไม่ได้ เพราะโทรศัพท์มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์ที่มีบทบาทในทุกกิจกรรมที่ทำและทุกอิริยาบถ บางคนถ้าไม่มีติดตัวจะเกิดอาการวิตกกังวล ถึงขั้นที่มีคำที่ใช้เรียกอาการวิตกกังวลของคนที่ขาดโทรศัพท์มือถือว่า “โนโมโฟเบีย”
แต่รู้หรือเปล่าว่ามีคนอีกกลุ่มที่สามารถใช้ชีวิตโดยขาดโทรศัพท์มือถือได้สบาย ๆ แต่กลับอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มี “หูฟัง” พอพูดแบบนี้ก็อาจสงสัยว่าแล้วการพกหูฟังติดตัวเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 จะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้คู่กันอย่างโทรศัพท์มือถือที่เอาไว้ใช้เปิดเพลง คำตอบง่ายนิดเดียว คนกลุ่มนี้ไม่ได้พกหูฟังไว้ฟังเพลง เพราะที่พวกเขายัดใส่รูหูหรือครอบหูเอาไว้นั้น พวกเขาก็แค่ใส่หรือครอบเอาไว้เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้เปิดเพลง ดังนั้น ต่อให้เป็นหูฟังชนิดมีสายก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเสียบไว้กับอุปกรณ์ที่ใช้ฟังเพลงใด ๆ ทั้งสิ้น ปลายสายอีกข้างแค่หย่อนใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง!
อันที่จริง หูฟังกับคนรุ่นใหม่ ๆ นั้นเป็นของคู่กัน หากเปิดกระเป๋าของวันรุ่นหรือคนวัยทำงานหลาย ๆ คน หูฟังคือสิ่งสำคัญที่พวกเขาต้องพกไปไหนมาไหนพอ ๆ กับโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ จึงทำให้ “การใส่หูฟัง” เป็นเรื่องปกติของคนในสังคมปัจจุบัน ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อย ในคนที่กำลังเดินทาง หรือขณะกำลังทำกิจกรรมอื่น ๆ แทบทุกกิจกรรม ทว่ามันจะไม่แปลกไปหน่อยเหรอกับคนที่ใส่หูฟังเอาเฉย ๆ โดยไม่เปิดอะไรฟัง เรามาดูความจริงเบื้องหลังกันดีกว่าว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนั้น
ความรู้สึกปลอดภัยที่เกิดจากการสร้างโลกที่มีแค่ฉัน
ในทางจิตวิทยา มนุษย์ชอบในสิ่งที่ตนเองควบคุมได้ โดยสิ่งแวดล้อมรอบข้างก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการควบคุมเช่นกัน เพราะมันเกี่ยวข้องกับความรู้สึกปลอดภัย ในสภาพแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย แต่เราไม่ได้ต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนเหล่านั้นเสมอไป การใส่หูฟังจึงเปรียบเสมือนการสร้างเกราะกำบังทางสังคม ตัดขาดจากโลกภายนอก (ที่ล้อมรอบ) แสดงออกถึงนัยยะว่า “ห้ามรบกวน” เพราะไม่สะดวกที่จะให้ใครเข้ามาทำลายพื้นที่ส่วนตัวท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่ส่วนตัว ซึ่งต่อให้ไม่ได้เปิดอะไรฟัง ก็ไม่ได้มีใครรู้ด้วยนี่ว่าเราไม่ได้เปิด
เปิดโหมดอยู่ในโลกส่วนตัว
เพราะคนอื่น ๆ ที่มองมาแล้วเห็นว่าเรากำลังใส่หรือครอบหูฟังเอาไว้ เขาจะรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเรากำลังเปิดเพลงหรือกำลังตั้งใจฟังอะไรอยู่ เขาไม่ได้คิดซับซ้อนขนาดที่ต้องพิสูจน์หรอกว่าเราเปิดเพลงฟังอยู่หรือเปล่า ดังนั้น ถ้าไม่ได้มีเรื่องสำคัญคอขาดบาดตายอะไร ตามมารยาทแล้วเขาก็จะไม่เข้ามารบกวนด้วยรู้ว่าเราต้องการความเป็นส่วนตัว ซึ่งต่อให้เราจะไม่ได้กำลังเปิดอะไรฟังก็ตาม พฤติกรรมที่หาอะไรมาปิดหูไว้มันก็เป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งว่าไม่พร้อมจะพูดคุยกับใครหรือให้ใครมารบกวน ฉันกำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของฉัน หรือฉันกำลังต้องการสมาธิ
กันเสียงรบกวนภายนอกได้ส่วนหนึ่ง
บางคนไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีเสียงดัง หรือในสถานการณ์ที่โกลาหลโหวกเหวกโวยวาย แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ว่า เสียงเหล่านั้นอาจจะไม่ได้ดังขนาดที่ทำให้รู้สึกหนวกหู แต่มันก็เป็นมลพิษทางเสียงที่สร้างความรำคาญอยู่ดี ดังนั้น แค่ใส่หรือครอบหูฟังไว้ มันก็สามารถกันเสียงรบกวนได้บางส่วน ถึงจะไม่ได้กันขนาดที่ว่าเงียบฉี่ แต่มันก็ตัดความน่ารำคาญไปได้บ้างแบบพวกเสียงจ้อกแจ้กจอแจ ที่รบกวนโสตประสาทแบบขั้นสุดก็จะเหลือเพียงเสียงคุยที่เบาลง จากนั้นไม่นานเราก็จะเข้าสู่โหมดโลกส่วนตัวได้ด้วย แม้ว่าจะยังได้ยินเสียงอยู่ก็ตาม
แค่อารมณ์ที่ไม่อยากคุยกับใคร แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินได้ง่ายขึ้น
เราสามารถสร้างโลกส่วนตัวที่ “เงียบ ๆ ของฉันคนเดียว” ขึ้นมาได้ง่าย ๆ โดยที่รอบข้างไม่จำเป็นต้องตกอยู่ในความเงียบ อย่างที่บอกว่าพฤติกรรมการใส่หรือครอบหูฟังเป็นภาษากายอย่างหนึ่งที่ใช้สื่อสารให้ผู้รับสารได้เข้าใจตรงกันว่า “ฉันกำลังอยู่ในโลกส่วนตัว ถ้าไม่จำเป็น ได้โปรดอย่างรบกวน” ดังนั้น ถ้าอยู่ในอารมณ์ที่ไม่อยากจะพูดคุยอะไรกับใคร แค่ใส่หรือครอบหูฟังไว้ ให้หูฟังเป็นสัญลักษณ์กันคนเข้ามารบกวน ใครพูดอะไรมาก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน พวกเขาก็จะเข้าใจได้ว่าเราคงฟังอะไรอยู่ บอกเลยว่าได้ผล เพราะปกติแล้วก็จะไม่มีใครเข้ามายุ่งย่ามอะไรกับเราเวลาที่ใส่หูฟัง
อยากรู้เรื่องอะไรล่ะ ได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบเลย
สายเนียนเก็บข้อมูลคงจะใช้วิธีนี้บ่อย ๆ คือใส่หรือครอบหูฟังเอาไว้เฉย ๆ โดยที่ไม่ได้เปิดอะไรฟัง การที่ไม่เปิดเพลงทำให้เรายังได้ยินเสียงพูดคุยในระยะใกล้ทุกคำพูด! เอาเข้าจริงคนรอบข้างที่ตั้งใจจะกล่าวถึงเราหรือตั้งใจจะพูดความลับอะไรก็อาจจะระแวงอยู่นิดหน่อยว่าเราจะได้ยินหรือเปล่า แต่การที่เรานั่งไถโทรศัพท์ทำเนียนไปเรื่อย ๆ แกล้งไม่ได้ยิน ไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตา ทำอะไรของตัวเองวนไป ก็ทำให้พวกเขาไว้วางใจว่าเราคงเปิดอะไรฟังอยู่จริง ๆ และน่าจะไม่ได้ยินในสิ่งที่พวกเขาคุยกัน จากนั้นพวกเขาก็จะไม่ระวังคำพูดอีกต่อไปแล้ว อื้อหือ! ได้ยินตั้งแต่ต้นจนจบเลย
ที่มา:
ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting
ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ
Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFeFacebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th
แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ
Building Microservices with .NET Core
Microservices จะแยกพัฒนาแต่ละเซอร์วิซออกจากกันโดยชัดเจน โดยกำหนด API ไว้ให้เรียกใช้ แต่...
Python for Machine Learning
ในหลักสูตรนี้จะกล่าวถึงแนวคิดพื้นฐานของ Machine Learning โดยจะเน้นโมเดลการทำนายพื้นฐานท...
MEVN Stack Mongo DB, Express, Vue.js, Node.js
MEVN Stack คือ Framework ชุดหนึ่งที่ใช้ในการพัฒนาเว็บแอพสมัยใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย 4 ส่ว...
การใช้ Power Automate Desktop เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ MS Excel ทำงานอัติโนมัติ
Microsoft เปิดดาวน์โหลด Power Automate เป็นซอฟต์แวร์ RPA (...
การใช้ Excel เพื่อเป็นฐานข้อมูลและสร้างรายงานจาก Power BI Desktop
Power BI Desktop ช่วยให้สรุปผลข้อมูลจำนวนไม่จำกัด จากหลายแ...
Basic Vue.js 3 สำหรับผู้เริ่มต้น
ยุคสมัยนี้การพัฒนาเว็บแอพพลิเคชั่นส่วนใหญ่เน้นไปทางการทำเว็บที่เป็นแบบ Single Page Appl...
คำค้นหา : โทรศัพท์มือถือโนโมโฟเบียหูฟังหูฟังไว้ฟังเพลงการใส่หูฟังจิตวิทยาโลกส่วนตัวภาษากายอวัยวะชิ้นที่ 33กระเป๋าสตางค์