จับเทรนด์ ′ไอที′ ปีลิง

จับทาง ′ชีวิตไฮเทค′ จับเทรนด์ ′ไอที′ ปีลิง
ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังต้องลุ้นให้กระเตื้อง ตลาดเทคโนโลยีเองก็อาจจะดูเงียบไปบ้าง หลายบริษัทมีตัวเลขการเติบโตคงที่ เรียกว่าไม่ลดน้อยลงก็ดีเหลือหลายแล้ว ดีที่สุดอย่างน้อยเสมอตัวเอาไว้ก่อน

แต่โลกของเทคโนโลยีก็ยังมีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้ผู้บริโภคได้ตื่นเต้นกันอยู่บ้าง 

มีโอกาสพูดคุยกับ "ปฐม อินทโรดม" ผู้คร่ำหวอดในแวดวงในไอทีมายาวนาน ปัจจุบันยังมีตำแหน่งอยู่ในหลายแห่ง เช่น กรรมาธิการสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย และที่ปรึกษาบอร์ดสมาคมสมาพันธ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย

                                            คุณปฐมสรุปเทรนด์ของปี 2558 และ 2559 เอาไว้คร่าวๆ ให้ฟัง

ตั้งหลักจากปี 2558 แน่นอนว่า สิ่งแรกที่ยังคงเป็นกระแสของผู้บริโภคทั่วไป มีอะไรที่ "มากขึ้น" ในหลายเรื่อง คือการใช้ชีวิตประจำวันอยู่บนโลกออนไลน์ที่มากขึ้น ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์กันมากขึ้น วัยรุ่นหันมาดูยูทูบกันมากขึ้น สมาร์ทโฟนถูกใช้กันแพร่หลายมากขึ้น ที่อยู่อาศัยก็จะถูกติดตั้งด้วยเซ็นเซอร์ต่างๆ เพื่อทำให้บ้าน "ฉลาด" มากขึ้น เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามาจะใช้งานกันได้ง่าย ราคาที่ไม่สูงเหมือนเมื่อก่อน ผู้คนยังคงติดอยู่กับเครือข่ายสังคมออนไลน์ และสิ่งที่เป็นพวกเทคโนโลยีเสมือนจริงจะถูกนำมาทำให้เป็น "ของจริง" กันมากขึ้น 

อย่างกรณีของการซื้อของผ่านโลกออนไลน์ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของผ่านทางเว็บไซต์ หรือแม้แต่การขายของผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กหรืออินสตาแกรมที่มีการเติบโตสูงขึ้น แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือบรรดาผู้ประกอบการร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า ที่คนจะเริ่มหันไปซื้อของตามห้างร้านกันน้อยลง กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้จึงจำเป็นที่จะต้องพยายามหาทางดึงลูกค้าจากกลุ่ม "ออนไลน์" มาสู่ตลาดที่เป็น "ออฟไลน์" คือต้องดึงให้ลูกค้ามาอยู่ที่ร้านให้มากขึ้นโดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเช่นกัน

อย่างเช่น เทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ "ไอเบคอน" อุปกรณ์ที่จะทำหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลของสินค้าในร้านกับลูกค้าที่เดินเข้าไปในร้าน ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต โดยเมื่อลูกค้าถืออุปกรณ์เคลื่อนที่เหล่านี้เข้าไปในร้านที่ติดตั้งตัวไอเบคอนอยู่ มันก็จะบอกถึงโปรโมชั่นของสินค้าให้กับลูกค้าได้รับรู้ในทันที

ซึ่งคุณปฐมบอกว่า ในเมืองไทยเองก็มีห้างสรรพสินค้าบางแห่งที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เพื่อให้บริการลูกค้าด้วย เป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นการขายของหน้าร้านให้มากขึ้น เพราะเป็นที่รู้กันว่า เด็กๆ วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบถามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าผ่านทางพนักงานขาย ตัวไอเบคอนนี้ก็จะเข้ามาทำหน้าที่นี้ให้แทน

อุปกรณ์ใหม่อีกตัวเริ่มมีให้เห็นกันในต่างประเทศ และเชื่อว่าปี 2559 นี้น่าจะได้เห็นกันในเมืองไทย คือ "อเมซอน แดช บัททอน" (Amazon dash button) อุปกรณ์ที่เอาไว้ติดกับบรรดาข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเพื่อเอาไว้สำหรับการสั่งซื้อสินค้า เพียงแค่กดปุ่มที่อุปกรณ์ ก็จะเป็นการสั่งซื้อสินค้าให้มาส่งให้ที่บ้านแบบไม่ต้องยุ่งยากอะไรเลย 

อีกเทรนด์ใหม่ที่คาดว่าจะได้เห็นกันในเร็วๆ นี้คือ "การดูโฆษณาแล้วได้เงิน" อันเนื่องมาจากการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า กว่าที่คนเราจะรับสายสักสายเมื่อมีการโทรเกิดขึ้น จะใช้เวลาประมาณ 15 วินาทีขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ บริการนี้จะเป็นบริการเพื่อการโฆษณาระหว่างการรอสาย ซึ่งจะเป็นสัญญาระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการ เมื่อมีการดูโฆษณาระหว่างการรอสายก็จะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีหรือเติมเงินให้ตามสัญญา

ในส่วนเรื่องของที่อยู่อาศัยนั้นก็จะกลายเป็นลักษณะที่เรียกว่า "เซ็นซิ่ง โฮม" คือเมื่ออุปกรณ์เซ็นเซอร์ต่างๆ มีราคาที่ถูกลง และเริ่มมีเครือข่าย 4จี ให้บริการ ก็จะเป็นตัวช่วยผลักดันให้อุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเตอร์เน็ตง่ายขึ้น อุปกรณ์ทุกอย่างในบ้านสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตได้ทั้งหมด

และ ด้วยเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่เชื่อมต่อทุกสิ่งเอาไว้โลกของ"อินเตอร์เน็ตออ ฟธิงส์"หรือไอโอทีคือทุกอย่างเป็นอินเตอร์เน็ตที่ทุกคนพูดถึงก็จะกลายเป็น โลกของ"อินฟอร์เมชั่นออฟเอฟเวอรี่ธิงส์" คือทุกอย่างจะกลายเป็นข้อมูลหมด จากอุปกรณ์สมาร์ททั้งหลายที่คาดกันว่าในปี 2563 จะมีมากถึง 50,000 ชิ้นทั่วโลก

สำหรับในปี 2559 คาดว่าจะเป็นปีของ "ความเสมือนจริง" หรือวีอาร์ ที่บรรดาผู้ประกอบการไอทีต่างพุ่งเป้าไปที่ตลาดนี้กันมากขึ้น อย่างเฟซบุ๊กเองก็ซื้อกิจการของ "ออคคิวลัส" หนึ่งในเจ้าแห่งวีอาร์ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ซัมซุงเองก็มีอุปกรณ์อย่าง "เกียร์วีอาร์" ทำตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง และยังมีอุปกรณ์ "ไวฟ์" วีอาร์เฮดเซตของเอชทีซีและวาล์ฟ ส่วนเพลย์สเตชั่นเครื่องเล่นเกมก็มีเพลย์สเตชั่น วีอาร์ ไม่เว้นแม้แต่ไมโครซอฟท์ที่ก็มี "โฮโลเลนส์" เช่นกัน

ทำให้คาดว่าสิ้นปี 2559 จะมีอุปกรณ์เฮดเซตวีอาร์ทั่วโลกถึง 12.2 ล้านชิ้น!!

ด้วยรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากความบันเทิง เกม ก็มุ่งไปสู่ตลาดการศึกษาหรือธุรกิจในเชิงสถาปัตยกรรม อย่างเช่น การขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม ที่ต้องการความสมจริงในการแสดงผล อุปกรณ์เฮดเซตวีอาร์จะเข้ามาช่วยในส่วนนี้ได้อย่างมาก 

นอกจากนี้ โลกของเทคโนโลยีก็ยังเข้าไปสู่ระบบการคมนาคมทั้งหลาย รถยนต์จะมีอุปกรณ์ในการอำนวยความสะดวกมากขึ้น เพราะปัจจุบันคนเราใช้เวลา 20 เปอร์เซ็นต์ของแต่ละวันอยู่ในรถเพื่อการเดินทาง บรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จึงพยายามพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อความสบายในการเดินทางมากขึ้น

สำหรับเทคโนโลยีปี 2558 ที่คิดว่าไม่ประสบความสำเร็จนั้น คุณปฐมบอกว่า คือ กูเกิลกลาส แว่นตาอัจฉริยะของกูเกิล และอีกผลิตภัณฑ์ที่ไม่เกิดคือ แท็บเล็ตขนาดจอยักษ์ 20 นิ้ว ที่ไม่น่าจะไปรอด เนื่องจากไม่ได้ตอบสนองความต้องการใช้งานที่แท้จริง รวมไปถึงพรินเตอร์ 3มิติ ที่เป็นเครื่องมือที่ใช้งานเฉพาะกลุ่มจริงๆ

ส่วนผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไอทีที่เกิดขึ้น ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุดจากไมโครซอฟท์ รวมถึงกล้องดิจิตอลแบบมิร์เรอร์เลส ที่แม้ราคาจะแพงแต่ก็มีคนซื้อไปใช้ รวมไปถึงยังสามารถขายบรรดาอุปกรณ์เสริมของกล้องได้อีกด้วย

ตบท้ายด้วยเรื่องของความปลอดภัย แน่นอนว่าเมื่อทุกอย่างไปอยู่บนโลกออนไลน์ บรรดาแฮกเกอร์หรือกลุ่มผู้ไม่หวังดีก็ย่อมที่จะพยายามหาทางเจาะเข้าไปเพื่อให้ได้ข้อมูลเหล่านั้นมา จะด้วยเพื่อประโยชน์อะไรก็แล้วแต่ แต่ที่สุดแล้วบรรดาอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั้งหลาย มีถึงกว่าครึ่งที่ยังมีช่องโหว่ให้โจมตีอยู่

ที่สุดแล้ว เมืองไทยยังพอมีลุ้นกับเครือข่าย 4จี ที่จะช่วยทำให้เกิดคอนเทนต์ต่างๆ ตามมาอีกมากมาย 

น่าจะช่วยทำให้ปีลิงคึกคักขึ้นมาได้บ้าง

ที่มา: