ตัวอย่างการทำ Destination Branding ให้ฟาร์มกลายเป็นจุดหมายปลายทาง

ตัวอย่างการทำ Destination Branding ให้ฟาร์มกลายเป็นจุดหมายปลายทาง

หมวดหมู่: บทความทั่วไปTip & Technic

ตัวอย่างการทำ Destination Branding ให้ฟาร์มกลายเป็นจุดหมายปลายทาง


จากสวนมะม่วงเล็กๆ สู่จุดหมายปลายทางของนักเดินทาง
กลยุทธ์ Destination Branding ของบ้านหมากม่วง

ในยุคที่การทำเกษตรไม่ได้แข่งขันกันเพียงแค่คุณภาพของผลผลิต แต่ยังต้องอาศัยการสร้างเรื่องราวและประสบการณ์ บ้านหมากม่วง (Khao Yai The Mango House Farm) เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้กลยุทธ์ Destination Branding หรือการทำให้ฟาร์มกลายเป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือน มากกว่าการเป็นแค่แหล่งผลิตและจำหน่ายมะม่วงทั่วไป

การเปลี่ยนฟาร์มเกษตรให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่การขายสินค้าให้ดูพรีเมียมขึ้นเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการออกแบบประสบการณ์ (Experience Design) ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่แค่การมาซื้อของ แต่เป็นโอกาสที่จะได้สัมผัสบรรยากาศ เรียนรู้เรื่องราว และเพลิดเพลินกับเสน่ห์ของมะม่วงนานาชนิด

1. กลยุทธ์การตลาดที่ช่วยให้ฟาร์มกลายเป็นจุดหมายปลายทาง

1.1 การใช้ Seasonal Marketing กระตุ้นยอดขายช่วงไฮซีซั่น

บ้านหมากม่วงใช้แนวคิด Seasonal Demand Creation เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ฟาร์มมีการประชาสัมพันธ์สินค้าผ่าน Social Media และช่องทางออนไลน์ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเดินทางมาเยือนในช่วงที่ผลผลิตดีที่สุด “Limited-Time Experience” ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความเร่งด่วน เช่น กิจกรรม ชิมมะม่วงสายพันธุ์พิเศษ ที่มีเฉพาะบางช่วงของปี ทำให้ลูกค้าต้องรีบเดินทางมาเยือนก่อนที่ฤดูกาลจะหมดลง

1.2 การใช้ Premium Pricing Strategy ควบคู่กับ Brand Storytelling

บ้านหมากม่วงใช้ กลยุทธ์ Premium Pricing โดยเน้นจำหน่าย มะม่วงเกรดพรีเมียมที่ผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน การตั้งราคาสูงขึ้นมาพร้อมกับการสร้างเรื่องราวของฟาร์ม ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงคุณค่าที่มากกว่าการซื้อผลไม้ทั่วไป ลูกค้าจ่ายเพื่ออะไร? ไม่ใช่เพียงรสชาติของมะม่วง แต่ยังเป็นความมั่นใจในกระบวนการผลิต ความพิถีพิถัน และความเชื่อมโยงกับแหล่งผลิตจริง ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเสริมคุณค่าของแบรนด์

1.3 การสร้างกิจกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว

บ้านหมากม่วงรู้ดีว่าการทำให้ลูกค้าอยากกลับมาเยือนซ้ำๆ เป็นหัวใจสำคัญ ฟาร์มจึงออกแบบกิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ เช่น

  • กิจกรรมเก็บมะม่วงจากต้น ให้ลูกค้าได้ลองเป็นเกษตรกรหนึ่งวัน
  • เวิร์กช็อปแปรรูปมะม่วง เช่น การทำขนมจากมะม่วงสด
  • การชิมมะม่วงสายพันธุ์พิเศษ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติของมะม่วงหายาก

2. จากฟาร์มสู่แบรนด์ท่องเที่ยว (Destination Branding in Agriculture)

2.1 การสร้างเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือน

บ้านหมากม่วงไม่ได้เพียงแค่ขายมะม่วงสด แต่ยังสร้างเอกลักษณ์ของฟาร์ม ให้กลายเป็น “จุดหมายปลายทางของคนรักมะม่วง” ที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน โดยนักท่องเที่ยวสามารถ:

  • เดินชมสวนมะม่วง และเรียนรู้กระบวนการผลิต
  • ถ่ายภาพในจุดเช็คอินพิเศษ ที่ออกแบบให้เข้ากับบรรยากาศของฟาร์ม
  • เลือกซื้อมะม่วงสดจากต้น เพื่อสัมผัสความสดใหม่ที่ไม่สามารถหาได้จากซูเปอร์มาร์เก็ต

2.2 การออกแบบประสบการณ์ให้ลูกค้าจดจำ

Experience Marketing ถูกนำมาใช้ในทุกจุดสัมผัสของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับ การให้ข้อมูล หรือการทดลองสินค้า บ้านหมากม่วงทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงคุณค่าของสินค้า ไม่ใช่เพียงเพราะรสชาติ แต่เพราะพวกเขา "ได้สัมผัสและเรียนรู้"

2.3 การสร้างบรรยากาศให้เป็นจุดเช็คอินและรีวิว

บ้านหมากม่วงปรับแต่งพื้นที่ให้เหมาะกับ Social Media Check-in เช่น

  • จุดถ่ายรูปสวยๆ ที่สะท้อนตัวตนของฟาร์ม
  • การออกแบบร้านค้าและบรรยากาศให้ดูอบอุ่น
  • การใช้ป้ายแบรนด์ที่โดดเด่น เพื่อให้ลูกค้าแชร์ลงโซเชียลมีเดีย

.
3. การใช้ Digital Marketing เพื่อขยายการรับรู้ของแบรนด์

3.1 การใช้ Social Media สร้างกระแสการท่องเที่ยว

บ้านหมากม่วงใช้ Social Media Marketing เป็นเครื่องมือสำคัญในการโปรโมตแบรนด์ การโพสต์ภาพ วิดีโอ และเรื่องราวของฟาร์มช่วยให้ลูกค้า รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนมะม่วง

3.2 การสร้าง Content ที่ช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย

บ้านหมากม่วงผลิต Content Marketing เพื่อให้ความรู้และสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น

  • เคล็ดลับเลือกมะม่วงให้อร่อย
  • เบื้องหลังการผลิตมะม่วงพรีเมียม
  • วิธีเก็บรักษามะม่วงให้ได้นานขึ้น


3.3 การใช้รีวิวและ Influencer Marketing

ฟาร์มทำงานร่วมกับ Influencer ด้านอาหารและท่องเที่ยว เพื่อช่วยรีวิวประสบการณ์ที่ฟาร์ม ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 


สรุป
“A brand is no longer what we tell the consumer it is—it is what consumers tell each other it is.”
– Scott Cook (Co-founder of Intuit)


บ้านหมากม่วงไม่ได้สร้างแบรนด์ผ่านการโฆษณา แต่ผ่านประสบการณ์จริงของลูกค้าที่มาเยือน เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี พวกเขาจะกลายเป็นกระบอกเสียงที่ช่วยโปรโมตแบรนด์โดยธรรมชาติ การใช้กลยุทธ์ Seasonal Marketing, Premium Pricing และ Experience Marketing ไม่เพียงช่วยเพิ่มยอดขาย แต่ยังทำให้ฟาร์มกลายเป็น สถานที่ที่มีความหมายในใจของลูกค้า

“เกษตรกรยุคใหม่ ไม่ได้แค่ขายสินค้า แต่ต้องขายสถานที่และประสบการณ์” – บ้านหมากม่วงคือเครื่องพิสูจน์ว่าการทำฟาร์มสามารถเป็นแบรนด์ท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งได้”
----
สมาชิก IFARM ท่านใดมีโอกาสไปเที่ยวแถวๆ เขาใหญ่ / ปากช่อง อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชม "บ้านหมากม่วง" นะครับ นี่คือตัวอย่างของคนทำเกษตรที่เน้น "คุณค่า" และ "มูลค่า" ที่น่าดูเป็นต้นแบบ


ที่มา: facebook.com/ifarm.co.th/posts/pfbid04sQRkGtDHG5v8LKiXHdeX8zaq6zGFw3XvQmYqgXzftDqiMNQmDR9hMgydhrEhFYQl

ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting

ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ

Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFe
Facebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th

แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ

user
โดย Bella
เข้าชม 76 ครั้ง

คำค้นหา : destination brandingstorytellingexperience designpricing strategydemand creationการทำฟาร์มsocial mediaแปรรูปมะม่วงเคล็ดลับการเลือกมะม่วงinfluencer marketing