ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกต่ำลงเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ

ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกต่ำลงเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ เพราะคนไม่คิดเปลี่ยนรุ่นใหม่
ทาง Gartner บริษัทรีเสิร์ชระดับโลก ผู้ติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดสมาร์ทโฟนตั้งแต่ปี 2004 (สมัยมือถือ Palm Treo 650) ได้เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา ยอดขายสมาร์ทโฟนในตลาดมือถือลดต่ำลงเป็นครั้งแรก โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2017 มียอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกประมาณ 408 ล้านเครื่อง ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ปี 2016 มียอดขายสูงถึง 432 ล้านเครื่อง เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ยอดการซื้อมือถือลดลงถึง 5.6 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน

โดยสาเหตุที่ยอดขายมือถือสมาร์ทโฟนลดลงนั้น ทาง Gartner ได้เสนอทฤษฎีว่า ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ใช้มือถือเครื่องที่มีอยู่เป็นเวลานานขึ้น และไม่มีความต้องการที่จะเปลี่ยนเครื่องเป็นรุ่นใหม่ ด้วยเหตุผลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สเปคหรือฟีเจอร์ของรุ่นเดิมก็ยังใช้งานได้ ไม่ต่างจากรุ่นใหม่มาก, ราคาของมือถือที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนเรือธง ทำให้ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนได้ยากขึ้น, ติดสัญญาค่าย (1 ปี หรือ 2 ปี ก็ว่ากันไป) หรือ เครือข่าย 4G ที่มือถือส่วนใหญ่ในตลาดรองรับอยู่ ซึ่งในปี 2019 ที่จะมีอุปกรณ์มือถือรองรับเครือข่าย 5G ออกมาวางตลาด อาจจะเป็นการกระตุ้นการเปลี่ยนมือถือครั้งใหญ่ก็เป็นได้

ถึงแม้ว่า ยอดการจำหน่ายมือถือโดยรวมจะตกลง แต่กลับกัน สมาร์ทโฟนหลายๆ แบรนด์กลับมีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้นกว่าเดิม อย่าง Samsung ที่คราวก่อน (Q4 2016) ค่อนข้างจะสูสีกับคู่แข่งอย่าง Apple ที่ 17.8% (ยอดขายสูงกว่าเพียง 700,000 เครื่อง) แต่ในปีนี้ Samsung มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 18.2% นำแบรนด์ Apple ที่ขยับขึ้นมาเป็น 17.9%

ทางฝั่งแดนมังกร แบรนด์ Xiaomi มาแรงมาก เติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก 3.6% มาเป็น 6.9% ในไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา มาอยู่อันดับที่ 4 แซงหน้า Oppo โดยยังมี Huawei นำทัพอยู่อันดับ 3

ส่วนแบรนด์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น LG, Lenovo, HTC, Sony, OnePlus, Essential หรือแม้แต่ Google ทาง Gartner ไม่ได้กล่าวถึงและจัดเข้าไปรวมอยู่ในหมวด Others (อื่นๆ) แทน

ด้วยเหตุที่ว่ามานี้ จึงทำให้ตลาดมือถือในปีนี้ (และปีหน้า) เป็นที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อย ว่าแต่ละค่าย จะนำไม้เด็ดอะไร มากระตุ้นผู้บริโภคให้อยากเปลี่ยนมือถือกัน หรือจะรอจนกระทั่ง เครือข่าย 5G เปิดให้บริการ เพื่อบังคับให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนมือถือโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้แทน

ที่มา: