ร้านค้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ส่อแววแลกเงินสดได้ล่าช้า

ร้านค้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ส่อแววแลกเงินสดได้ล่าช้า


ร้านค้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท อาจขึ้นเงินสดได้ล่าช้า เพราะอะไร กระทรวงการคลังมีเฉลย

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตถึงวงเงินที่จะใช้ดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะยังคงใช้เงินจากงบประมาณแผ่นประจำปี 67 ซึ่งมีข้อเสนอให้ดำเนินการโดยใช้งบผูกพัน เช่น ถ้าโครงการ 4 แสนล้านบาท ก็ตั้งงบผูกพัน 4 ปี โดยเบิกจ่ายปีละ 100,000 ล้านบาท ฉะนั้น การขึ้นเงินของร้านค้าก็อาจจะต้องชะลอไป ซึ่งอาจต้องมีการกำหนดในเงื่อนไข เป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะเสนอให้มีการพิจารณาอย่างจริงจัง

ส่วนการดำเนินงานในช่วงเริ่มต้นของโครงการที่จะใช้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 นั้น อาจทำให้โครงการดิจิทัลเกิดความล่าช้า เพราะตามที่ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณมีผลบังคับใช้ล่าช้า จึงเป็นไปได้ว่าโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 67

ส่วนแหล่งเงินจากทางเลือกอื่นๆ เช่น เงินกู้นั้น ถือเป็นทางเลือกท้ายๆ เช่นเดียวกับการใช้มาตรการกึ่งการคลัง ผ่านมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ยืนยันว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับธนาคารออมสิน เพราะขัดข้อกฎหมาย กรอบอำนาจหน้าที่ไม่ครอบคลุมการดำเนินการ

นายจุลพันธ์ ยังกล่าวย้ำว่า กลไกการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นตัวเลือกแรก เพราะโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีการอนุมัติโดยตัวแทนประชาชน ทั้ง สส. และ สว. ต้องพิจารณาตามกรอบข้อเท็จจริง รัฐบาลจะไม่ตัดโครงการลงทุน หรือโครงการอื่นๆ ของรัฐ เพื่ออัดโครงการนี้ที่ใช้เม็ดเงินถึง 5.6 แสนล้านบาท เข้าไปในงบประมาณ 2567 ในคราวเดียว เป็นการขาดดุลตามกรอบงบประมาณที่วางแผนไว้ ไม่มีผลกระทบต่อตลาดทุน ตลาดตราสารหนี้ แน่นอน

นอกจาก นี้ยังได้กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับเกณฑ์ใหม่ ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แนวทาง เนื่องจากว่าที่ประชุมคณะอนุกรรมการโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต มีความเห็นที่แตกต่างกัน ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ โดยได้กำหนดตัวเลือกไว้ 3 แบบ ดังนี้

ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนถึง 25,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากถึง 1 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.3 แสนล้านบาท
ตัดกลุ่มผู้มีเงินเดือนถึง 50,000 บาท และ/หรือ มีบัญชีเงินฝากถึง 5 แสนบาทออก เหลือผู้ได้สิทธิ์ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 4.9 แสนล้านบาท
ให้สิทธิ์เฉพาะผู้ยากไร้ ซึ่งมีอยู่ราว 15-16 ล้านคน โดยใช้ฐานข้อมูลจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ใช้งบประมาณราว 1.5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ จะมีการนำเสนอต่อซุปเปอร์บอร์ดโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานพิจารณาในสัปดาห์หน้า


ที่มา: sanook.com/money/915111