Klook ยกระดับนวัตกรรม Generative AI จาก Google Cloud

Klook ยกระดับนวัตกรรมเต็มพลังด้วย Generative AI จาก Google Cloud


Google Cloud และ Klook แพลตฟอร์มการจองกิจกรรมและบริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำของเอเชีย ได้ประกาศความร่วมมือเพื่อขยายเนื้อหาการบริการของ Klook และช่องทางการโต้ตอบกับลูกค้าด้วย Generative AI จาก Google Cloud โดยเริ่มต้นด้วยการแปลภาษาอัตโนมัติ 10 ภาษา ซึ่งจะเจาะลึกถึงแนวทางการสื่อสารในตลาดท้องถิ่นแต่ละประเทศ และความโดดเด่นในน้ำเสียงของแบรนด์ Klook

โครงการนี้ต่อยอดมาจากโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้ ซึ่ง Klook ได้ใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ PaLM 2 จาก Google Cloud ผ่านทาง Vertex AI Model Garden เพื่อแปลคำอธิบาย เคล็ดลับ และข้อมูลอื่นๆ ที่มีอยู่เกี่ยวกับบริการของผู้ขายเป็นภาษาจีนตัวย่อและภาษาเกาหลี โดยโครงการนำร่องดังกล่าวได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจทั้งในด้านความแม่นยำของการแปลที่วัดจากแบบจำลองการประเมินมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับเนื้อหาการแปลภาษาธรรมชาติที่สร้างโดย AI และในด้านการจับความแตกต่างของน้ำเสียงและการสื่อสารในตลาดท้องถิ่นแต่ละประเทศ ที่ผ่านการให้คะแนนโดยทีมนักภาษาศาสตร์และนักการตลาดจาก Klook

การแปลภาษาที่เรียนรู้จากประสบการณ์

เพื่อให้มั่นใจว่าการแปลภาษาสามารถจับความแตกต่างของน้ำเสียงและการสื่อสารในตลาดท้องถิ่นแต่ละประเทศได้ ในขณะที่ยังคงรักษาน้ำเสียงของแบรนด์ไว้ Klook ได้ทำการป้อนข้อมูลเนื้อหากิจกรรมที่แปลก่อนหน้านี้จากแพลตฟอร์มของตนเองให้กับ Generative AI ของ Google Cloud เพื่อให้ AI ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ AI สามารถแปลภาษาต่างๆ รวมถึงภาษาไทยได้อย่างแม่นยำและเป็นที่พึงพอใจต่อผลลัพธ์ที่ทางทีม Klook ต้องการมากขึ้น โดยการเรียนรู้จากประสบการณ์ของ Generative AI ช่วยเสริมความแม่นยำ การจับใจจากความภาษาท้องถิ่น และประสิทธิภาพของการแปลให้ดีขึ้นในทุกๆ การทำซ้ำ ทำให้ Klook มีความมั่นใจในการขยายความสามารถการแปลไปสู่เนื้อหาและกิจกรรมของบริษัทอื่นๆ ในลำดับต่อไป

“เรารู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจองกิจกรรมและบริการด้านการท่องเที่ยว เริ่มตั้งแต่ช่วงเวลาที่นักเดินทางของเราเริ่มวางแผนวันหยุดในฝันของพวกเขา ไปจนถึงช่วงเวลาที่พวกเขาจองกับ Klook และท้ายที่สุดตลอดประสบการณ์ในจุดหมายปลายทาง โดยเรามุ่งมั่นที่จะทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายในรูปแบบภาษาที่เหมาะกับความต้องการของเขาให้มากที่สุด” Bernie Xiong CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง Klook กล่าว “โครงการนำร่องของเราได้พิสูจน์ว่าความสามารถของ Generative AI จาก Google Cloud ทำให้เราสามารถมอบประสบการณ์ของแบรนด์ที่สมบูรณ์แบบในวงกว้างได้ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพหรือความถูกต้องของเนื้อหา โดย Klook จะยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อไป เพื่อนำความก้าวหน้าใหม่ๆ มาสู่แพลตฟอร์มของเราให้น่าดึงดูดยิ่งขึ้น และสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งในฐานะแบรนด์ตัวเลือกชั้นนำสำหรับนักเดินทางในเอเชียและทั่วโลก”

นอกเหนือจากการแปลแล้ว Klook ยังจะเริ่มนำความสามารถด้าน AI ของ Google Cloud มาใช้ในแชทบอท K.AI (Klook AI) สำหรับการบริการลูกค้า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและความแม่นยำของการโต้ตอบกับลูกค้าที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งรวมทุกอย่างตั้งแต่คำแนะนำการเดินทางไปจนถึงสถานะการจองและธุรกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนที่จะเปิดตัวการสร้างคอนเทนต์โดยใช้ PaLM 2 ซึ่งจะสร้างประสบการณ์การเริ่มต้นใช้งานที่รวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ขาย ผ่านการสร้างคำอธิบายแบบสั้นและรายละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมของพวกเขาแบบอัตโนมัติ ซึ่งความสามารถเหล่านี้จะส่งผลเชิงบวกต่อประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานภายในทีมต่างๆ ของ Klook อีกด้วย

เสริมการมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ

เพื่อเสริมความสามารถด้านข้อมูลและ AI ให้ดียิ่งขึ้น Klook จะขยายการใช้งาน BigQuery และ Google Kubernetes Engine เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์และแอปพลิเคชันทั่วทั้งองค์กร นอกจากนี้ การใช้งาน Generative AI ในอนาคตผ่าน Google Cloud และ Google Ads จะช่วยให้ Klook สามารถเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ในการมีส่วนร่วมของลูกค้า ด้วยเนื้อหาเฉพาะบุคคลที่เป็นส่วนตัวและบริการที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น

“การใช้ Generative AI ของ Klook มีส่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพภายในองค์กรและการมีส่วนร่วมของลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังช่วยเสริมเอกลักษณ์ของแบรนด์และคุณค่าที่นำเสนอ รวมถึงเสริมสร้างความไว้วางใจและความปลอดภัยให้กับลูกค้าของพวกเขาด้วย” Kathy Lee กรรมการผู้จัดการ Google Cloud ประจำภูมิภาคเอเชียเหนือกล่าว “Klook ได้เปรียบในฐานะบริษัทแรกๆ ของอุตสาหกรรมที่ใช้ประโยชน์จาก Generative AI เพื่อเสริมประสบการณ์การเดินทางให้เป็นส่วนตัวและเฉพาะบุคคลมากขึ้น และเราหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความเป็นผู้นำทางดิจิทัลของ Klook จากการใช้งานของ Cloud และ AI ทั่วทั้งธุรกิจ”


ที่มา: sanook.com/hitech/1593087