ความร่วมมือระหว่างเจมาร์ทกับซิงเกอร์ โดยธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT

นับเป็นดีลที่ได้รับความสนใจไม่น้อยเลยกับจังหวะก้าวของ "เจมาร์ท" จากตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริม มายังธุรกิจบริหารหนี้ และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ ล่าสุดควักเงินก้อนโตเฉียดพันล้านบาท ซื้อหุ้นใหญ่อันดับ 1 (24.99%) ใน บมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย หรือ SINGER แทนกลุ่ม SINGER (THAILAND) B.V. 

"อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจมาร์ท บอกว่าการเข้าไปถือหุ้นใหญ่ 24.99% คิดเป็นมูลค่าราว 950 ล้านบาท เพราะ SINGER มีเครือข่ายการขายทั่วประเทศ หนุนให้บริษัทมีช่องทางการจำหน่ายเพิ่มและกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้นด้วย จากที่เจมาร์ทมีสาขา 255 แห่ง ขณะที่ซิงเกอร์มี 217 แห่ง รวมกันจะมีถึง 472 สาขา

"ในไตรมาส 3 เราจะเข้าไปเปิดช็อปในโชว์รูมซิงเกอร์ 5-10 แห่ง ในไตรมาส 4จะเปิดเต็ม 50 สาขา และเป็น 100 สาขาในปีหน้า ประมาณยอดขายจากการเปิดสาขาเพิ่มไว้ที่ 100 ล้านบาท ปีนี้และ 1,000 ล้านบาท ปีหน้า รวมทั้งการทำการตลาดแบบไดเร็กต์เซลซึ่งเป็นความถนัดของซิงเกอร์ โดยปีแรกเจมาร์ทจะลอง 100 คน และ 200 คน ปีถัดไปหากรวมกับไดเร็กต์เซลของซิงเกอร์ด้วยจะมีกว่าพันคน คาดว่าจะมีรายได้จากตรงนี้ในฝั่งเจมาร์ท 150 ล้านบาท และซิงเกอร์ 250 ล้านบาท" 

ความร่วมมือระหว่างเจมาร์ทกับซิงเกอร์จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ในเครือเจมาร์ทจะมีรายได้เพิ่มจากการรับจ้างเก็บหนี้ให้ซิงเกอร์ และช่วยให้รุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่สินเชื่อบุคคล (Personal Loans) ผ่านฐานลูกค้าซิงเกอร์ ซึ่งเป็นลูกค้าระดับรากหญ้าได้ เนื่องจากมีธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อส่วนบุคคลในบริษัท ซิงเกอร์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด 

ปัจจุบันหนี้เสียของซิงเกอร์อยู่ที่ 6.5% หรือ 1.76 แสนราย มูลค่าราว 2,000 ล้านบาท คาดว่า JMT จะทำให้หนี้เสียลดลง 1-2% จากเดิม JMT มีบริหารหนี้อยู่แล้ว 2 ล้านราย รวมเจมาร์ท 1 ล้านราย และซิงเกอร์ด้วยจะให้มีลูกหนี้ทั้งหมดราว 3.17 ล้านราย

"ธุรกิจหลักของเจมาร์ทยังมีแนวโน้มเติบโตดี เนื่องจากตลาดโทรศัพท์มือถือลูกค้ายังตอบรับดี โดยเฉพาะช่วงที่มีสินค้ารุ่นใหม่ทยอยออกสู่ตลาด คิดเป็นรายได้กว่า 90% ของทั้งหมดที่ประกอบด้วย JMT และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ JAS ASSET"

ปีนี้ เจมาร์ทตั้งเป้ารายได้โต 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 8,956.98 ล้านบาท

"เราเชื่อมั่นในทีมบริหารของซิงเกอร์ชุดเดิม การเข้ามาครั้งนี้จึงเปลี่ยนแปลงแค่ผู้ถือหุ้น มีเป้าหมายร่วมกันคือการเติบโตขึ้นไปพร้อมกัน" ซีอีโอเจมาร์ทย้ำ

"บุญยง ตันสกุล" กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นไม่กระทบใด ๆบริษัทยังคงทำธุรกิจเช่าซื้อ และจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ "ซิงเกอร์" และจะใช้ช่องทางของเจมาร์ทในการจำหน่ายสินค้าด้วย นอกเหนือจากสาขาในแม็คโครที่มีอยู่กว่า 20 แห่ง เพื่อลดต้นทุนการเปิดสาขาใหม่ จากแผนธุรกิจเดิมมีแผนเปิดเพิ่มปีละ10 แห่ง ต้องลงทุนกว่า 30 ล้านบาท 

นอกจากนี้ สินค้าประเภทตู้จำหน่ายสินค้าหยอดเหรียญของซิงเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถือ, ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ ตู้แช่ และอื่น ๆ จะเข้าไปอยู่ใน IT Junction ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าของเจมาร์ทด้วย ความร่วมมือนี้จะทำให้รายได้เพิ่มอย่างน้อย10% ตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป และคาดว่าปีนี้ซิงเกอร์จะเติบโตได้ดีตามเป้า5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมที่ 3,440 ล้านบาท

ความพยายามในการประสานความร่วมมือเพื่อต่อยอดธุรกิจของทั้งคู่จึงนับเป็นจังหวะก้าวที่น่าสนใจ