ชวนอ่าน TOR โครงการพัฒนา Web App 850 ล้านบาทของสำนักงานประกันสังคม
โครงการไอทีภาครัฐที่เป็นจุดสนใจมากที่สุดในตอนนี้ ย่อมเป็นโครงการพัฒนา Web App มูลค่า 850 บาทของสำนักงานประกันสังคม ที่เป็นข่าวอย่างต่อเนื่องจากการเปิดเผยของ ส.ส. รักชนก ศรีนอก พรรคประชาชน (ดูคลิปรายการ กรรมการข่าวคุยนอกจอ 4 มีนาคม 2568 ด้านล่าง)
ในฐานะเว็บไอที Blognone ขอเชิญชวนสมาชิกอ่าน TOR ของโครงการ "ปรับเปลี่ยนระบบงานประกันสังคมบนเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมเป็นระบบ Web Application" ซึ่งเป็นเอกสารเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อมาร่วมวิเคราะห์กันว่าโครงการนี้เขาทำอะไรกัน และเป็นโครงการที่สมเหตุสมผลหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากความจำเป็นในการใช้งาน และความเหมาะสมในทางเทคนิค
สรุปรวบรัดมาหน่อย
- โครงการเป็นการย้ายระบบ "หลังบ้าน" ที่เจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมใช้งาน จากระบบเดิมที่เป็น Mainframe มาสู่ระบบใหม่เป็น Web Ap ที่ใช้ Java และ relational database
- โครงการมีราคากลาง 850 ล้านบาท ประมูลชนะในราคา 848 ล้านบาท
- ราคานี้รวมค่าฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ค่าจ้างพนักงาน และค่าบริการหลังขายแล้ว
- มีผู้ยื่นประมูล 2 รายคือ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด และ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IRCP ซึ่งรายหลังเป็นผู้ชนะโครงการ
- เริ่มทำสัญญาเดือนธันวาคม 2564 ครบกำหนดสัญญาธันวาคม 2566 ปัจจุบันยังไม่ส่งมอบ
เอกสารของโครงการมาจากไหน
เอกสารของโครงการนี้ เป็นเอกสารที่เปิดเผยต่อสาธารณะอยู่บน ระบบค้นหาข้อมูลโครงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (actai.co)
เอกสารทั้งหมดของโครงการ สามารถดาวน์โหลดได้จากหน้าเว็บเพจ ประกวดราคาจ้างโครงการปรับเปลี่ยนระบบงานประกันสังคมบนเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรมเป็นระบบ Web Application ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) (เลขที่โครงการ : 64097542764)
ในบทความนี้จะขอเน้นเฉพาะตัวเอกสาร TOR ที่มีรายละเอียดของโครงการว่าทำอะไรบ้าง
ทำไมต้องมีโครงการนี้
ระบบไอทีของสำนักงานประกันสังคม เป็นระบบเก่าที่ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2533 บนเครื่องเมนเฟรม IBM System z114 รันระบบปฏิบัติการ OS/390 เก็บและประมวลผลข้อมูลแบบ Batch และ Online Transaction Processing (OTP) ด้วยภาษา Cobol ซึ่งเก่าแก่มากแล้ว ดูแลลำบาก เจ้าหน้าที่มีความยุ่งยากในการป้อนข้อมูลแบบ manual มาก
สำนักงานประกันสังคมเคยพยายามยกเครื่องระบบไอทีภายในใหม่ตอนปี 2550 แต่ล้มเหลว ทำให้ปี 2556 ต้องกลับมาใช้ระบบเมนเฟรมเหมือนเดิม จนกระทั่งเจอปัญหา COVID-19 ที่ต้องมีการกรอกข้อมูลผู้ประกันตนครั้งใหญ่ ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบากมาก และกลายเป็นที่มาของโครงการย้ายระบบเดิมเมนเฟรม มาเป็นระบบ Web Application สมัยใหม่
ภาพ timeline ของระบบไอทีประกันสังคม - จาก ส.ส. รักชนก ศรีนอก
ระบบใหม่มีอะไรบ้าง แต่ละส่วนราคาเท่าไร
หากเราดูเอกสารการสำรวจราคากลางก่อนเปิดประมูล วงเงินงบประมาณรวม 850 ล้านบาท
- ค่าฮาร์ดแวร์ 213,129,000 บาท
- ค่าซอฟต์แวร์ 467,796,000 บาท
- ค่าพัฒนาระบบ 147,000,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ 21,000,000 บาท
แปลว่าระบบนี้เป็นการจ้างทำ Web App ใหม่ที่รันบนฮาร์ดแวร์แบบ on-premise (สำนักงานประกันสังคมเป็นเจ้าของเครื่องเอง) รวมค่าไลเซนส์ซอฟต์แวร์ ค่าพัฒนาระบบ และค่าย้ายข้อมูลจากระบบเดิมด้วย
Timeline ของโครงการ
- 29 กันยายน 2564 ประกาศเชิญชวน
- ผู้เข้าร่วมประมูลต้องเคยมีผลงานพัฒนาระบบไอที มูลค่าไม่ต่ำกว่า 170 ล้านบาท
- มีผู้ซื้อซองประมูล 16 บริษัท source
- 2 พฤศจิกายน 2564 เริ่มเสนอราคาผ่านระบบ e-bidding
- มีผู้ยื่นประมูล 2 รายคือ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด และ บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IRCP
- 26 พฤศจิกายน 2564 ประกาศผู้ชนะโครงการ
- IRCP ชนะในราคา 848 ล้านบาท
- 20 ธันวาคม 2564 เริ่มทำสัญญาโครงการ (ระยะเวลาในสัญญาโครงการ 730 วัน)
- 20 ธันวาคม 2566 กำหนดครบสัญญาเดิม (ส่งช้า แต่ไม่ถูกปรับ)
- กรกฎาคม 2567 เริ่มกระบวนการตรวจรับ (มาถึงตอนนี้คือยังไม่เสร็จ)
ฮาร์ดแวร์
โครงการกำหนดให้ต้องจัดซื้อฮาร์ดแวร์ที่เป็นเครื่องใหม่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ระบบเซิร์ฟเวอร์สำหรับจัดการฐานข้อมูล 2 ระบบ ซีพียู RISC/Xeon ไม่ต่ำกว่า 128 คอร์ แรมไม่น้อยกว่า 2,048GB, ดิสก์ไม่ต่ำกว่า 8TB, ระบบสตอเรจความจุไม่น้อยกว่า 504TB, ระบบปฏิบัติการ Unix/Enterprise Linux ที่มีเครื่องหมายการค้าเดียวกันกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์
- ระบบเซิร์ฟเวอร์สำหรับระบบงาน 2 ระบบ
- เซิร์ฟเวอร์สำหรับ Application Server 1 ชุด ซีพียู RISC/Xeon ไม่ต่ำกว่า 96 คอร์, แรมไม่น้อยกว่า 1TB, SSD ไม่น้อยกว่า 480GB, ระบบปฏิบัติการ Unix/Enterprise Linux
- เซิร์ฟเวอร์สำหรับงานสนับสนุน 1 ชุด ซีพียู RISC/Xeon ไม่ต่ำกว่า 256 คอร์, แรมไม่น้อยกว่า 2TB, SSD ไม่น้อยกว่า 480GB, ระบบปฏิบัติการ Unix/Enterprise Linux
- อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก (External Storage) 2 ระบบ
- อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก สำหรับจัดเก็บระบบงาน 1 ชุด มี Controller 2 หน่วย, Cache Memory 1TB
- SAN/Switch ไม่น้อยกว่า 2 ชุด เชื่อมต่อผ่าน Fiber Channel ความเร็วสูงสุด 32 Gbps, พอร์ตไม่น้อยกว่า 48 พอร์ต
- ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 ระบบ
- อุปกรณ์กระจายสัญญาณเครือข่าย 4 ชุด มี switching capacity ไม่น้อยกว่า 2Tbps, รองรับทำ Virtual Switching Extension (VSX) หรือ Virtual Switching System (VSS) หรือ Fabric Path หรือ Virtual Switching Framework (VSF)
- อุปกรณ์บริหารจัดการเครือข่าย (Management Switch) 1 ชุด ทำ Routing/Switching ระดับ L2/L3, มี Switch Capacity ไม่น้อยกว่า 128 Gbps
- ระบบเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Monitoring 2 ระบบ ซีพียู RISC/Xeon 16 คอร์, แรมไม่น้อยกว่า 32GB, สตอเรจไม่น้อยกว่า 480GB, ระบบปฏิบัติการ Unix/Enterprise Linux ที่มีเครื่องหมายการค้าเดียวกันกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์
- ระบบเซิร์ฟเวอร์สำรองข้อมูลที่ศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก 1 ระบบ
- อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก (External Storage) สำหรับระบบงาน Backup หน่วยความจำหลัก 348GB, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 458TB
- ระบบเซิร์ฟเวอร์สำรองข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลสำรอง 1 ระบบ
- เซิร์ฟเวอร์สำหรับเป็น Backup Server 1 ชุด ซีพียู 32 คอร์, แรม 512GB, สตอเรจ 480GB, ระบบปฏิบัติการ Unix/Enterprise Linux
- อุปกรณ์สำรองข้อมูล (Tape Backup) 1 ชุด เป็น Tape Drive แบบ LTO8 หรือดีกว่า ม้วนเทปความจุ 12TB ไม่น้อยกว่า 60 หน่วย
ข้อมูลของฮาร์ดแวร์ที่ยกมานี้เป็นข้อมูลโดยคร่าวๆ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านสเปกฮาร์ดแวร์อย่างละเอียดได้จากเอกสาร TOR
ประเด็นที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้นคำว่า "ระบบปฏิบัติการ Unix/Enterprise Linux ที่มีเครื่องหมายการค้าเดียวกันกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์" ซึ่งตีความได้ว่าเป็นการล็อกสเปกหรือไม่ เพราะผู้ขายระบบปฏิบัติการ Unix/Enterprise Linux ที่ทำฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์ขายด้วยก็มีอยู่เพียงไม่กี่รายในตลาดเท่านั้น
ซอฟต์แวร์
- ซอฟต์แวร์ระบบจัดการฐานข้อมูล DBMS จำนวน 1 ชุด เป็น Relational Database ที่ต้องทำงานบน AIX, Linux, Windows ได้
- ซอฟต์แวร์ระบบจัดการโปรแกรมประยุกต์ (Application Server Software) 1 ชุด รองรับ Java EE 7.0, รองรับการพัฒนาเว็บแอพด้วย Java Servlet 3.0, JSF2.0 และ JSP 2.2, รองรับระบบปฏิบัติการ Windows, Linux, AIX, HP-UX และ Solaris
- ซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการพัฒนาระบบงาน (Development Tool) 1 ชุด รองรับ Java EE 5.0, ตัวเครื่องมือต้องเป็น GUI แบบ Drag and Drop, รองรับไลเซนส์นักพัฒนา 100 คน
- ซอฟต์แวร์สำหรับการ Monitoring ระบบ Application Server และ ระบบฐานข้อมูล จำนวน 1 ชุด ตรวจสอบและวิเคราะห์ลงไปถึงระดับโค้ดภาษา Java, ไลเซนส์ไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้งาน
- ซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานเป็นระบบรายงานอัจฉริยะ (Business Intelligence) 1 ชุด Application Server ต้องรองรับ Windows, AIX, Red Hat, SUSE, Ubuntu, Oracle Linux รองรับฐานข้อมูล Oracle, DB2, Informix, SQL Server, Sybase เป็นอย่างน้อย
- ชุดซอฟต์แวร์สำหรับแลกเปลี่ยนและถ่ายโอนข้อมูล 1 ชุด ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows, Unix, Linux เข้าถึงข้อมูลต้นทางเป็น Text file, XML, DB2, Informix, Sybase, Oracle, Microsoft SQL Server, Teradata และ Web services แปลงไปเป็นข้อมูลปลายทางในรูป DB2, Informix, Sybase, Oracle, Microsoft SQL Server, Teradata, XML, Text file
- ซอฟต์แวร์สำหรับการสำรองข้อมูล จำนวน 1 ชุด แบ็คอัพแบบ image-based ได้ทั้งบนเซิร์ฟเวอร์ physical และ virtual machine รองรับ Windows, Linux, VMware, Hyper-V, Nutanix
- ซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการการเข้าถึงข้อมูลที่มีความปลอดภัยแบบ Two-Factor Authentication 1 ระบบ รองรับ Time-based one-time password (TOTP) โดยส่งผ่าน Mobile Authenticator ใช้งานด้วยลายนิ้วมือหรือสแกนหน้าได้, ทำงานร่วมกับ Google Authenticator ได้, มีลิขสิทธิ์แบบไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้
จุดที่น่าสังเกตย่อมเป็นการเขียนสเปกบางอย่างที่เจาะจงมากๆ เช่น การบอกว่าฐานข้อมูลต้องใช้ระบบปฏิบัติการ AIX (ในการประมูลโครงการปี 2564!!) หรือการระบุ Application Server Software ให้รองรับทั้ง AIX, HP-UX และ Solaris ทั้งที่การใช้งานจริงก็น่าจะเป็นการส่งมอบทั้งชุดระบบปฎิบัติการพร้อมซอฟต์แวร์ การกำหนดยี่ห้อของฐานข้อมูลแบบตายตัว และการกำหนดไลเซนส์แบบไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้งาน
บุคลากร
เอกสาร TOR กำหนดให้ผู้เสนอราคาต้องจัดเตรียมบุคลากรของโครงการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญตามที่กำหนด ทั้งหมด 79 คน ดังนี้
- ผู้จัดการโครงการ (Project Manager) 1 คน ประสบการณ์ 10 ปี
- ผู้ช่วยผู้จัดการโครงการ (Assistant Project Manager) 1 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- ผู้จัดการเปลี่ยนแปลง (Project Change Manager) 1 คน ประสบการณ์ 16 ปี
- ผู้ประสานงานโครงการ 3 คน ประสบการณ์ 1 ปี
- ผู้จัดการ การรับประกันคุณภาพและความเสี่ยง 1 คน ประสบการณ์ 16 ปี
- นักจัดการด้านการรับประกันคุณภาพและความเสี่ยง 1 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- นักวิเคราะห์กระบวนการธุรกิจของระบบงาน (Business Analyst) 9 คน ประสบการณ์ 5 ปี
- นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analyst) 9 คน ประสบการณ์ 5 ปี
- นักพัฒนาระบบโปรแกรม (Programmer/Developer) 18 คน ประสบการณ์ 5 ปี
- นักทดสอบระบบ (IT Tester) 6 คน ประสบการณ์ 5 ปี
- นักจัดการระบบฐานข้อมูล (Database Administrator) 4 คน ประสบการณ์ 10 ปี
- นักพัฒนาระบบโปรแกรม 8 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- นักทดสอบระบบ 8 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- หัวหน้าสถาปนิกระบบ (Head of System Architecture) 1 คน ประสบการณ์ 16 ปี
- สถาปนิกระบบ 1 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมคุณภาพโครงการและความเสี่ยง 2 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมคุณภาพซอฟต์แวร์ 2 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ 1 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบโดยใช้ภาษา JAVA 2 คน ประสบการณ์ 10 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญด้าน Hardware ระบบ LINUX หรือ UNIX 1 คน ประสบการณ์ 10 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบจัดการฐานข้อมูล 1 คน ประสบการณ์ 10 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบเครือข่าย 1 คน ประสบการณ์ 11 ปี
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยระบบ 1 คน ประสบการณ์ 11 ปี
ทั้งนี้มีจุดน่าสังเกตว่า บางตำแหน่งซ้ำซ้อนกันตรงๆ และการอ้างอิงเลขปีประสบการณ์ใช้เลข 11 ปีกับ 16 ปี ซึ่งไม่พบบ่อยนักในการอ้างอิงทั่วไปที่มักใช้เลข 5/10/15 เป็นหลัก
ส่วนเรื่องจำนวนบุคลากรของโครงการทั้งสิ้น 79 คนนั้นถือว่ามาก-น้อยเกินไปหรือไม่ คงขึ้นกับปริมาณเนื้องาน ที่ไม่ได้มีส่วนของการวิเคราะห์-พัฒนาระบบอย่างเดียว แต่รวมถึงการทำเอกสารคู่มือ การเทรนนิ่ง บริการซัพพอร์ตหลังระบบเริ่มใช้งานแล้วด้วย
การโอนย้ายข้อมูล (Migration)
ผู้รับจ้างพัฒนาระบบจะต้องโอนย้ายข้อมูลจากระบบเก่าที่เป็นเมนเฟรม มาสู่ระบบใหม่ โดยมีขนาดของข้อมูลประมาณ 8.3TB ตามตาราง
การเทรนนิ่งและบริการซัพพอร์ต
หลังพัฒนาระบบเสร็จแล้ว ผู้รับจ้างพัฒนาระบบจะต้องมีภาระจัดการสถานที่ คอมพิวเตอร์ เอกสาร อาหาร อาหารว่าง เครื่องดื่ม วัสดุอุปกรณ์ ที่พัก ของ
- ผู้บริหารหน่วยงาน 300 คน อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 300 คน อย่างน้อย 12 ชั่วโมง
- เจ้าหน้าที่ดูแลระบบ 20 คน อย่างน้อย 30 ชั่วโมง
- เจ้าหน้าที่พัฒนาระบบงาน (Programmer) 10 คน อย่างน้อย 60 ชั่วโมง
ผู้รับจ้างพัฒนาระบบยังต้องจัดทำคู่มือการใช้งานระบบที่มีรายละเอียดมากพอสมควร สามารถอ่านขอบเขตได้จากตัวเอกสาร TOR
ระบบที่พัฒนาเสร็จแล้วต้องรับรองคุณภาพเป็นเวลา 1 ปี หากมีข้อผิดพลาดหลังรับมอบต้องแก้ไขให้เสร็จภายใน 3 วันทำการ ในระยะนี้จะต้องมี Help Desk ช่วยเหลือผู้ใช้งานในเวลาราชการ จันทร์-ศุกร์ 8.30-16.30 น. โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เงื่อนไขการส่งมอบงาน
ระยะเวลาโครงการทั้งหมด 730 วัน แบ่งการส่งงานเป็นทั้งหมด 6 งวด
- งวดที่ 1 จ่ายเงินร้อยละ 35 ของค่าจ้างตามสัญญา
- งวดที่ 2 จ่ายเงินร้อยละ 10 ของค่าจ้างตามสัญญา
- งวดที่ 3 จ่ายเงินร้อยละ 30 ของค่าจ้างตามสัญญา
- งวดที่ 4 จ่ายเงินร้อยละ 10 ของค่าจ้างตามสัญญา
- งวดที่ 5 จ่ายเงินร้อยละ 5 ของค่าจ้างตามสัญญา
- งวดที่ 6 จ่ายเงินร้อยละ 10 ของค่าจ้างตามสัญญา
ข้อสังเกตในทางเทคนิค
เนื่องจากตัวระบบ Web App ยังไม่สามารถส่งมอบและใช้งานได้ตามสัญญา ตอนนี้เราคงมีแต่ข้อมูลจาก TOR เท่านั้น
ในแง่ความจำเป็นที่ต้องย้ายระบบไอทีเดิมจากยุคเมนเฟรม มาสู่ระบบไอทีที่ทันสมัยกว่าเดิม คงไม่มีใครคัดค้าน (แม้เพิ่งมาตัดสินใจทำในทศวรรษ 2020s ทั้งที่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ทศวรรษ 2000s)
ส่วนการเลือก tech stack ที่เป็น Java Application Server + Relational Database บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์แบบ on-premise ที่สำนักงานประกันสังคมเป็นเจ้าของเอง อาจดูเก่าไปสักนิดสำหรับยุคสมัยนี้ แต่ก็ถือเป็นการเลือกที่ "ไม่ผิด" เพราะเป็น proven technology ที่ผ่านการทดสอบในโลก enterprise IT มานานพอสมควร (แม้ชวนให้ตั้งคำถามว่าทำไมผู้ร่าง TOR ถึงเลือกแนวทางนี้) นอกจากนี้ในรายละเอียดของฮาร์ดแวร์-ซอฟต์แวร์ ยังมีข้อความที่กำหนดไว้แบบเจาะจงมากๆ จนอาจชวนให้เชื่อว่ามีการ "ล็อกสเปก" บางส่วนได้
จุดที่น่าตั้งคำถามอื่นๆ และเรายังไม่ได้คำตอบในตอนนี้คือ ทำไมการพัฒนาโครงการนี้ยังไม่เสร็จและส่งมอบไม่ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ สถานะปัจจุบันของระบบใหม่เป็นอย่างไร ทำไปถึงไหนแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่สำนักงานประกันสังคมควรออกมาชี้แจงให้สาธารณะได้ทราบโดยเร็ว
ที่มา: blognone.com/node/145084
ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting
ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ
Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFeFacebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th
แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ
GitOps with Argo CD
GitOps คือการสร้างระบบ Continuous Delivery (CD) ด้วย tools ที่เราใช้กันเป็นอยู่แล้ว ซึ่...
Golang for Beginners
Go หรือ Golang เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่มีการพัฒนาโดย Google และถูกออกแบบมาเพื่อให้มีประสิ...
Canva for beginners
Canva เป็นหนึ่งในเครื่องมือการออกแบบกราฟิกที่น่าทึ่งโดยไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านดีไซน์ โด...
Figma for beginners
Figma เป็นหนึ่งในเครื่องมือการออกแบบที่ถูกพูดถึงและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในยุคปัจ...
RESTful API with Go and Gin
หลักสูตรนี้จะสอนการพัฒนา (Backend) API Services ด้วยภาษา Go Programming ที่ใช้ GIN and...
Microsoft Designer for beginners
Microsoft Designer เป็นเครื่องมือออกแบบกราฟิกที่ช่วยให้คุณสร้าง ออกแบบ และแก้ไขได้อย่าง...
คำค้นหา : web applicationtor ประกันสังคมระบบหลังบ้านประมูลบริษัท ยิบอินซอย จำกัดotpฮาร์ดแวร์ซอฟต์แวร์enterprise linuxmigration