ซัมซุงแตกไลน์รุกทีวีระดับกลางและล่างด้วยระบบเอสยูเอชดี

ซัมซุงแตกไลน์รุกทีวีระดับกลางและล่าง เปิดไลน์สินค้าใหม่รุ่นต่ำลงมาอัลตร้าเอชดี 32 นิ้ว 1.6 หมื่นบาท หลังก่อนหน้านี้เปิดฉากลุยแหลกระดับพรีเมี่ยมต่อเนื่อง ชูระบบคมชัดเหนือชั้น ‘เอสยูเอชดี’ คาดภาพรวมตลาดทีวีปีนี้ 3 หมื่นล้านบาท

นายอัศวิน ชูสถาพร ผู้จัดการอาวุโสธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่าบริษัทรุกทำตลาดทีวีระดับพรีเมี่ยมอย่างเต็มตัวต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากได้เปิดตัวเอสยูเอชดีทีวีใหม่ไปเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาจำนวน 7 รุ่น ผ่านกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภค และจัดกิจกรรมเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค
 

“ล่าสุดจัดกิจกรรมซัมซุง อัลติเมท เอส-พีเรนซ์ อิน จูราสิค เวิลด์ บาย เอสยูเอชดีทีวี ให้ลูกค้าซัมซุงได้สัมผัสประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ที่คมชัดเสมือนยูเอชดีทีวีผ่านภาพยนตร์เรื่องจูราสิค เวิลด์”
 

หลังจากนี้มีแผนจะเพิ่มไลน์อัพสินค้าใหม่ที่กว้างขึ้น อย่างทีวีอัลตราเอชดีที่ในปีนี้เริ่มตั้งแต่ขนาด 32 นิ้ว ราคา 16,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อทีวีเครื่องใหม่เพื่อทดแทนเครื่องเก่าได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ดีซัมซุงทีวีตั้งเป้าที่จะเติบโตมากกว่าตลาด ในขณะที่ภาพรวมตลาดทีวีปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 30,000 ล้านบาท หรือเป็นจำนวน 2.5 ล้านเครื่อง เติบโต 3% ในแง่มูลค่า และ 10% ในแง่จำนวนจากปีที่ผ่านมา

ด้านนายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ลูกค้าระดับกลางถึงบนยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อดีอยู่ ดังนั้นปีนี้จึงจะเน้นทำตลาดสินค้าพรีเมี่ยมในทุกกลุ่ม คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50-70% ของสินค้าแต่ละกลุ่ม หรือไม่ต่ำกว่า 40 รุ่น อาทิ ทีวีไลน์อัพใหม่ประจำปีนี้รวม 30 รุ่น และ 50% เป็นทีวีระบบยูเอชดีทีวี และซูเปอร์ยูเอชดีทีวี หรือประมาณ 16 รุ่น หรือกว่า 40% เป็นรุ่นพรีเมี่ยม จากนี้จะมีกลุ่มเครื่องปรับอากาศจะเน้นรุ่นอินเวอร์เตอร์ เครื่องซักผ้าจะเน้นกลุ่มฝาหน้า ตู้เย็นเน้นกลุ่มไซด์บายไซด์
 

แนวโน้มครึ่งปีหลังของปีนี้ภาวะเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อให้กลับมาด้วย หลังจากช่วงครึ่งปีแรกไม่ดีนัก โดยเฉพาะกำลังซื้อของตลาดระดับกลางล่างในไตรมาสแรก ส่งผลให้ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยรวมถือว่ายังไม่ดีนัก โดยกลุ่มเครื่องปรับอากาศและเครื่องซักผ้ามีอัตราการเติบโตเท่าปีก่อน แต่ครึ่งปีหลังเชื่อว่าสินค้าหลายๆ กลุ่มจะกลับมามีอัตราการเติบโตได้ ดังนั้นยอดขายรวมยังคงเป้าเดิมที่วางไว้ 23,000 ล้านบาท”
 

นายนิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณกำลังซื้อดีขึ้นในช่วงไตรมาสสองของตลาดระดับล่าง ถือว่าดีแล้วเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม เพราะหากเทียบปีก่อนยอดขายแทบจะไม่เติบโตเลย ในขณะที่ยอดขายทั้งบริษัทในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเริ่มเติบโตขึ้น

ที่มา: