ทำคลิปแจ้งเกิดบน Youtube

อยากดัง! ทำคลิปแจ้งเกิดบน Youtube ดูซิ
อินเทอร์เน็ต ทำให้เรามีพื้นที่ในการแสดงออกมากขึ้น มีตัวอย่างมากมายที่แจ้งเกิดจากการ “ร้องเพลง cover” ลง Youtube เชื่อว่าหลายคนมีความสามารถ แต่ยังชั่งใจ กล้าๆ กลัวๆ เอ๊ะ เขาอัดเสียงกันยังไง หรืออัพคลิปไปจะมีคนดูไหมนะ ก็เลยได้แต่เป็นคนดู คนฟัง

เอาล่ะ! เอาความกลัว ลังเลใจทั้งหมดนั้นออกไป แล้วลุกขึ้นมาทำตามความฝันของเรากันดีกว่า เผลอๆ จะได้แจ้งเกิด แถมยังเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้เราด้วย ทั้งงานจ้างต่อยอด และรายได้จากการเป็น Youtube Partner ที่ยูทูบจะแบ่งค่าโฆษณาให้เรา

วันนี้เฟื่องเลยจะมาแชร์วิธีทำคลิปร้องเพลงง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้านกัน!

แรกสุดเลย เริ่มจากอัดด้วยวิดีโอด้วยไอแพดมินิก่อน ตั้งแล้วก็อัดเลย สำหรับใครงบน้อยใช้แค่นี้ก่อนก็ได้ค่ะ ไอแพดก็เก็บเสียงใช้ได้ประมาณนึง แต่... ถ้าจะเริ่มจริงจังกว่านี้ บอกก่อนว่าคลิปคัฟเวอร์ที่ดี คุณภาพเสียงต้องดีค่ะ ส่วนภาพถ้าคมชัดสวยงามด้วยก็เป็นส่วนเสริมให้วิดีโอของเราน่าดึงดูดยิ่งขึ้น ต่อมาคือเรื่องของอุปกรณ์เสริมที่เน้นลงไปอีก

เสียง
การอัดเสียงแบ่งอุปกรณ์เป็น 2 ส่วนคือ ไมโครโฟน และ Audio Interface (Soundcard) เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การอัดเสียงโดยใช้คอมพิวเตอร์นั้นต้องการตัวแปลงเสียงมนุษย์ให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า เพื่ออัดเข้าไปในคอมพ์ และแปลงสัญญาณไฟฟ้านั้นให้เป็นเสียงอีกที ดังนั้น ไมโครโฟนจึงต้องมาพร้อมกับ Audio Interface เสมอ เพราะไมค์เป็นแค่อุปกรณ์รับเสียง แปลงสัญญาณไฟฟ้าเองไม่ได้!

- ไมค์: สำหรับอัดเสียงแนะนำว่าให้ใช้เป็นไมค์ Condenser คือไมค์ที่มีความไวในการเก็บเสียง (Sensitivity) มากกว่า เก็บรายละเอียดเนื้อเสียงได้มากกว่า (แต่ไม่เหมาะกับเอาไปร้องเพลงข้างนอกนะคะ ไมค์แบบนั้นที่เราเอาไว้ร้องคาราโอเกะเรียกว่าไมค์ Dynamic)

- อุปกรณ์อัดเสียง: มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่เซตละประมาณ 5,000 ไปจนถึงหลายหมื่นบาท ต้องลองดูงบประมาณตัวเองว่าไปได้ถึงขนาดไหน ให้ทางร้านแนะนำว่ารุ่นไหนมีจุดเด่น-จุดด้อยอย่างไร ไปลองใช้ดู แล้วค่อยซื้อมาค่ะ

อุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่แนะนำ

- ขาตั้งไมค์: ไมค์อยู่นิ่งๆ จะดีที่สุด และคนดูจะรู้สึกเราเป็นมืออาชีพมากขึ้นด้วย เวลาร้องกะขาไมค์ในคลิป

- ที่กันลม: เวลาเราออกเสียงกันเสียงลมพึ่บๆ เวลาเราออกเสียง /บ/ หรือ /พ/ เป็นต้น

- หูฟัง: ควรมีหูฟังดีๆ ไว้ฟังเสียงตัวเองขณะอัดด้วย แต่ถ้ารู้สึกหูฟังที่มีอยู่พอแล้ว อยากประหยัดงบก็ไม่ว่ากัน

เริ่มอัดกันเลย!

- เมื่อได้อุปกรณ์อัดเสียงมาแล้ว ก็ต่อเข้ากับคอมพ์ให้เรียบร้อย ตั้งไมค์ในระดับที่พอดี และตั้งค่าระดับความดังเสียง แนะนำให้ตั้งให้ดังไว้ก่อน เพราะจะเก็บดีเทลเสียงได้มากกว่า และทดสอบด้วยท่อนเสียงดังที่สุดของเพลง และค่อยลดระดับให้เสียงไม่พีคเกินขีดสีแดง เพราะนั่นหมายถึงเสียงที่บันทึกได้จะแตก 

- อย่าลืมอัดในห้องเงียบๆ เพราะอย่างที่บอกว่าไมค์ Condenser เก็บรายละเอียดเสียงได้ดีมาก แต่นั่นก็หมายความว่าไมค์ชนิดนี้ไวต่อเสียงรอบข้างมากเช่นกัน เช่นเสียงแอร์ เสียงหมาเห่า เสียงปิดประตูก็อาจเข้าไมค์ได้ 

- หาซอฟต์แวร์ที่ใช้บันทึกเสียง ถ้าใช้ Mac อยู่แล้ว Garageband ที่ฟรีมากับเครื่องนี่แหละค่ะ ครบ เลิศ ตัวเดียวอยู่ ปรับเสียงร้องได้หลายแบบ และทำดนตรีเองได้ด้วย ส่วนถ้าใช้ Windows มีหลายโปรแกรมให้เลือก แล้วแต่ว่าจะถนัดกับ User Interface (ลักษณะหน้าตา/การใช้งาน) ของโปรแกรมไหนมากกว่ากัน เช่น Audacity, Adobe Audition, GoldWave ฯลฯ ลองโหลดมาเล่นดูนะคะ

ดนตรี
ใครเล่นเองเป็นหรือมีเพื่อนเล่นให้ได้ก็โชคดีไป แต่ถ้าใครร้องเพลงได้อย่างเดียว ไม่ต้องกลัวค่ะ เดี๋ยวนี้มีคาราโอเกะให้เราเลือกซื้อจาก iTunes มากมาย/ในแอพฯ พวก music streaming ก็มี/ หรือคนใจดีทำคาราโอเกะฟรีๆ ให้เราใช้อัพลงใน youtube ก็มี ดาวน์โหลดเป็น mp3 มาใช้ได้เลย (แต่เอาของเขามาใช้แล้วก็อย่าลืมให้เครดิตด้วยล่ะ)

ส่วนถ้าใครอยากง่ายก็เปิด track/เล่นดนตรีสดไปพร้อมกับร้องเลย แต่ถ้าใครกลัวร้องไม่เป๊ะ อยากมาเจาะท่อนร้องก็แยก Track Karaoke กับ Voice ออกจากกัน จะได้เก็บไว้มาเจาะ edit ตรงที่ไม่มั่นใจได้นะคะ

ที่มา: