เฟซบุ๊กเริ่มทดสอบฟีเจอร์จำกัดการแสดงโพสต์ของแฟนเก่า
เฟซบุ๊กเริ่มทดสอบฟีเจอร์ Take a Break สำหรับจำกัดการแสดงโพสต์ของแฟนเก่า ไม่ต้องทนเจ็บกันอีกต่อไป
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2558 เฟซบุ๊กได้เริ่มทดสอบฟีเจอร์ Take a Break สำหรับผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เลิกกับคนรัก ให้ไม่ต้องทนเห็นโพสต์หรือรูปภาพเก่า ๆ ตอกย้ำใจกันอีกต่อไป โดยเมื่อมีการเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์จาก In a Relationship ไปเป็นโสดแล้ว ระบบเฟซบุ๊กจะแสดงเครื่องมือ Take a Break มาช่วยจัดการโพสต์ของแฟนเก่าได้ตามที่ต้องการ
สิ่งที่ฟีเจอร์ Take a Break นี้สามารถทำได้ก็คือ เลือกให้ไม่แสดงโพสต์หรือรูปภาพของแฟนเก่าบน News Feed ไม่ต้องแนะนำชื่อแฟนเก่าในการส่งข้อความหรือแท็กรูป ซ่อนโพสต์และรูปภาพของเราไม่ให้แฟนเก่าเห็น (ยกเว้นโพสต์แบบสาธารณะ) รวมทั้งเลือกปรับโพสต์เก่า ๆ เช่น ลบแท็กออกจากรูปที่มีแฟนเก่าอยู่ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้อง Unfriend หรือบล็อก
ในขณะนี้เฟซบุ๊กกำลังทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าวกับผู้ใช้เฟซบุ๊กบนสมาร์ทโฟนในอเมริกา โดยจะเปิดให้ใช้งานได้ทั่วโลกในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเข้าไปใช้งานฟีเจอร์ Take a Break ได้ตลอดเวลาใน Help Cente
ที่มา:.jpg)
ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting
ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ
Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFeFacebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th
คำค้นหา : เฟซบุ๊กเริ่มทดสอบฟีเจอร์ Take a Break ฟีเจอร์จำกัดการแสดงโพสต์ของแฟนเก่า สำหรับผู้ใช้เฟซบุ๊กที่เลิกกับคนรักสถานะความสัมพันธ์จาก In a Relationship ไปเป็นโสดระบบเฟซบุ๊กจะแสดงเครื่องมือ Take a Break จัดการโพสต์ของแฟนเก่าได้ตามที่ต้องการเลือกให้ไม่แสดงโพสต์หรือรูปภาพของแฟนเก่าไม่ต้องแนะนำชื่อแฟนเก่าในการส่งข้อความหรือแท็กรูปซ่อนโพสต์และรูปภาพของเราไม่ให้แฟนเก่าเห็นลบแท็กออกจากรูปที่มีแฟนเก่าอยู่ด้วยไม่จำเป็นต้อง Unfriend หรือบล็อกทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าวกับผู้ใช้เฟซบุ๊กบนสมาร์ทโฟนในอเมริกาโดยจะเปิดให้ใช้งานได้ทั่วโลกในเร็ว ๆ นี้