มารู้จักกับหุ่นยนต์คล้ายสุนัข

มาแกล้งถีบ (หุ่นยนต์) สุนัขกัน 
มาแกล้งถีบ (หุ่นยนต์) สุนัขกัน วันนี้ผมจะชวนคุณผู้อ่านประจำคอลัมน์วันพุธของผมมารู้จักกับหุ่นยนต์คล้ายสุนัข ซึ่งจริง ๆ ถ้าไปดูงานวิจัยทางด้านหุ่นยนต์คล้ายสุนัข ก็จะเห็นว่ามีการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นสิบ ๆ ปี แล้ว

ในศตวรรษที่ 21 นวัตกรรมเทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์มีการพัฒนากันต่อเนื่องอย่างไม่หยุดหย่อนนะครับ คุณผู้อ่านหลายท่านอาจจะคิดว่าหุ่นยนต์ที่นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์พัฒนาส่วนใหญ่จะเน้นไปที่หุ่นยนต์เคลื่อนไหวคล้ายมนุษย์ (Humanoid Robot) เป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงแล้วในห้องทดลองของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหรือมหาวิทยาลัยดัง ๆ ของโลกมีการพัฒนาหุ่นยนต์ในลักษณะรูปแบบต่าง ๆ นอกเหนือจากหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ออกมามากมาย

วันนี้ผมจะชวนคุณผู้อ่านประจำคอลัมน์วันพุธของผมมารู้จักกับหุ่นยนต์คล้ายสุนัข ซึ่งจริง ๆ ถ้าไปดูงานวิจัยทางด้านหุ่นยนต์คล้ายสุนัข ก็จะเห็นว่ามีการพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นสิบ ๆ ปี แล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในหลาย ๆ อย่างทั้งการพัฒนาสร้างหุ่นยนต์สุนัขอย่างไรให้สามารถวิ่งหรือเดินได้ไหลลื่นเป็นธรรมชาติจนดูเสมือนเป็นสิ่งมีชีวิตจริง ๆ ข่าวดีก็คือในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์สามารถพัฒนาขึ้นมาได้แล้วล่ะครับ ให้หุ่นสุนัขสามารถเดินได้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ แถมเพิ่มฟีเจอร์ที่สำคัญคือแม้โดนคนเตะ (ใช่ครับ เตะหรือถีบนั่นแหละครับ) ก็ยังสามารถทรงตัวรับแรงกระแทกไม่ให้ตัวเองล้มได้ หุ่นยนต์สุนัขที่ผมจะพูดถึงนี้ชื่อว่า Spot ครับ

Spot เป็นหุ่นยนต์สุนัขตัวใหม่ของบริษัท Boston Dynamics บริษัทผลิตและพัฒนาหุ่นยนต์ชั้นนำที่ Google ซื้อกิจการไปเมื่อเกือบสองปีก่อน โดยลูกค้าของบริษัทนี้ก็ไม่ใช่ลูกค้ารายย่อยทั่ว ๆ ไปแบบพวกเรา ๆ ท่าน ๆ ครับ แต่เป็นหน่วยงานทางด้านการทหารขนาดใหญ่ไปเลย ซึ่งแต่เดิมบริษัทนี้ได้แยกตัวออกมาจากห้องทดลองของมหาวิทยาลัย MIT โดยหนึ่งในผู้ก่อตั้งหลักคือ Prof. Marc Raibert ซึ่งเป็นอาจารย์ทางด้านนวัตกรรมหุ่นยนต์ที่เคยสอนอยู่ที่ Carnegie Mellon University และ MIT มาก่อน โดยเขาได้จับกลุ่มกันออกมาตั้งบริษัท Boston Dynamics นี้ตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว

เล่าเรื่อง Spot อาจต้องเท้าความนิดนึงครับ ว่าแรกเริ่มเดิมทีบริษัท Boston Dynamics ได้พัฒนาหุ่นยนต์สุนัขขนาดค่อนข้างใหญ่ในชื่อว่า BigDog ขึ้นมาก่อน โดย BigDog เป็นหุ่นยนต์สุนัข 4 ขาที่สามารถเอาไว้ช่วยคนในการขนสัมภาระหนัก ๆ รวมไปถึงสามารถเดินหรือวิ่งได้ตั้งแต่พื้นราบไปจนถึงพื้นขรุขระหรือเนินเขา และจุดที่เป็นไฮไลต์สำคัญคือแม้ว่าจะโดนคนกระโดดถีบ ก็ยังสามารถทรงตัวไม่ให้ล้มได้เพราะถึงแม้จะเซหรือถลาไปตามแรงถีบ แต่ระบบควบคุมของหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกออกแบบให้คำนวณและวัดความสมดุลให้พยายามผลักดันตัวเองกลับมาในอีกทิศทางตรงกันข้าม ทำให้สามารถบาลานซ์ตัวเองไว้ไม่ให้ตัวเอง ล้มได้ เห็นไหมครับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว โดย BigDog มีส่วนสูงอยู่ที่ 2.5 ฟุต ความยาวอยู่ที่ 3 ฟุต นํ้าหนัก 110 กิโลกรัม แบกนํ้าหนักได้ 150 กิโลกรัม วิ่งได้ที่ความเร็ว 6.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ปีนเขาชันได้ที่ 35 องศา เรียกว่าถ้าเทียบกับขนาดสุนัขจริง ๆ ก็เป็นสุนัขนักล่าขนาดใหญ่ได้เลยล่ะครับ ความสูงเกือบหนึ่งเมตรนี่

ซึ่งต่อมาในช่วงต้นปี ค.ศ. 2015 บริษัท Boston Dynamics อยากจะออกแบบหุ่นยนต์สุนัขให้มีขนาดเล็กลง เพื่อที่จะสามารถเอามาใช้ในห้องทำงานได้สะดวกขึ้น ใช้ได้หลากหลายวัตถุประสงค์มากขึ้น (และอาจรวมไปถึงทำให้คนถีบได้สะดวกง่ายขึ้น) โดยใช้ชื่อหุ่นตัวนี้ว่า Spot ซึ่งเป็นหุ่นยนต์เดิน 4 ขา คล้าย Bigdog แต่มีขนาดประมาณสุนัขขนาดกลาง โดยมีจุดเด่นคล้ายกับ BigDog เลยคือลักษณะการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติพร้อมทั้งการสามารถทรงตัวได้แม้จะโดนคนกระโดดถีบเต็มแรง โดย Spot มีนํ้าหนักเพียงแค่ 73 กิโลกรัม (เบากว่าเดิมถึงเกือบ 40 กิโลกรัม) เพราะฉะนั้นก็สามารถเอาไปใช้ในวัตถุประสงค์ได้หลากหลายมากขึ้นด้วยนั่นเอง

ไม่แน่นะครับในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะได้เห็นหุ่นยนต์สุนัขพวกนี้ ทั้งตัวใหญ่ ตัวกลาง ตัวเล็ก วิ่งกันไปมาทั่วเมืองปะปนไปกับมนุษย์และสุนัขจริง ๆ และอาจจะใช้ชีวิตผสมปนเปไปกับหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์อีกก็เป็นได้ ณ ตอนนั้นบางทีพวกเราอาจจะต้องออกพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรม (หุ่นยนต์) สัตว์แทรกเข้าไปในกฎหมายของประเทศเราด้วยก็เป็นได้ หรืออาจรวมไปถึงการออกกฎหมายห้ามนำหุ่นยนต์สุนัขตัวใหญ่ ๆ ดุ ๆ ไม่ให้เข้ามาทำร้ายเด็กเล็กของพวกเรา หรือแม้แต่อาจออกกฎหมายห้ามหุ่นยนต์มนุษย์ทำร้ายหุ่นยนต์สุนัขด้วยก็เป็นได้ เห็นไหมครับว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ในศตวรรษที่ 21 สร้างสรรค์อนาคตให้พวกเราจินตนาการได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ.

ที่มา: