เอไอที จับมือ 3 เวนเดอร์ NetApp VMware และ F5 Networks สร้างความเข้มแข็งหวังรุกตลาดคลาวด์ที่กำลังมาแรงในไทย

 เอไอที จับมือ 3 เวนเดอร์ NetApp VMware และ F5 Networks สร้างความเข้มแข็งหวังรุกตลาดคลาวด์ที่กำลังมาแรงในไทย เตรียมนำเสนอโซลูชันรุกทั้งตลาดภาครัฐ และเอกชนจับลูกค้าทั้งเก่า และใหม่ ตั้งเป้าการเติบโตเพิ่ม 10-15% หรือประมาณ 6,800 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หวังนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลของภาครัฐจะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะช่วยให้ยอดรายได้เป็นไปตามเป้า
       
       นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือเอไอที กล่าวว่า เอไอทีได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ 3 เวนเดอร์ด้านไอทีอย่าง NetApp VMware และ F5 Networks เพื่อสร้างความพร้อมในการรุกตลาดเทคโนโลยีคลาวด์ และเวอร์ชวลไลเซชัน ซึ่งกำลังเป็นเทคโนโลยีที่มีความต้องการมากในปัจจุบัน โดยความร่วมมือครั้งนี้คาดว่าจะทำให้เอไอทีมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10-15% หรือ 6,800 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้ในปีที่ผ่านมา
       
       ปัจจุบัน เอไอทีมีสัดส่วนรายได้เป็นภาครัฐประมาณ 90% ในขณะที่ลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ โดยรายได้กว่า 40% มาจากกลุ่มโทรคมนาคมอย่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม และบริษัท ทีโอที โดยในปีที่ผ่านมา ยอดรายได้รวมของเอไอทีอยู่ที่ 6,200 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ 
       
       “นโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลของรัฐบาลจะส่งผลให้มีการลงทุนด้านไอทีเพิ่มมากขึ้น และจะมีการทำงานร่วมกันมากขึ้น อันจะส่งผลให้เกิดการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ และการใช้งานคลาวด์คอมพิวติง ซึ่งการจับมือกับเวนเดอร์ทั้ง 3 บริษัทนี้ถือเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้เอไอทีในการเข้าไปรุกในตลาดดังกล่าว รวมไปถึงเป็นการตอบสนองต่อลูกค้าเดิมที่ต้องการขยายธุรกิจเข้าไปสู่ระบบคลาวด์”
       
       นายศิริพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเอไอทีเป็นตัวแทนจำหน่ายของ CISCO System ด้วยความร่วมมือกับ 3 บริษัทข้างต้นจะก่อให้เกิดความร่วมมือในรูปแบบของโซลูชันที่จะนำเสนอสินค้า และบริการคลาวด์ และเวอร์ชวลไลเซชันให้แก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนขนาดใหญ่ และเซอร์วิสโพรวายเดอร์ ได้แบบครบวงจร และสามารถตอบสนองต่อนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลของภาครัฐได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในการเข้ารับงานจากลูกค้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และเอกชนต่างๆ ได้มากขึ้น
       
       “จุดแข็งของ NetApp อยู่ที่การมีเทคโนโลยีที่จะช่วยสร้างความสามารถในการบริหาร และจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่นสูงและเหมาะสำหรับการใช้งานคลาวด์ และเวอร์ชวลไลเซชัน ส่วน VMware จะมีความโดดเด่นทางด้านการขจัดความยุ่งยาก และซับซ้อนการทำงานของระบบไอทีให้เกิดความคล่องตัว โดยใช้เทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชันในการปรับโครงสร้างดาต้า เซ็นเตอร์ ให้เป็นคลาวด์ไปยังโมบายดีไวซ์ต่างๆ เพื่อที่จะสามารถส่งบริการจากอุปกรณ์โมบายไปได้ทุกที่
       
       ในส่วนของ F5 Networks นั้น ด้วยเทคโนโลยีอย่าง Application Delivery Networking จะทำหน้าที่ในการจัดส่งแอปพลิเคชันต่างๆ ที่อยู่บนเครือข่ายสารสนเทศ และการสื่อสาร การบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ให้มีความพร้อมในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงการใช้งานแอปพลิเคชันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะอยู่บนคลาวด์แพลตฟอร์ม หรือเวอร์ชวลไลซ์แพลตฟอร์ม

ที่มา https://www.manager.co.th