แคมเปญ เมาไม่ขับ-กลับอูเบอร์

เมาไม่ขับ-กลับอูเบอร์
แคมเปญนี้เป็นการร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ และกองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อให้คนตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากเมาแล้วขับ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นอันดับสองในภูมิภาคอาเซียน

ประเทศไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตบนท้องถนน ที่มีสาเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก จากการรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าร้อยละ 26 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากการเมาแล้วขับ ซึ่งเป็นการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในแต่ละปี 

โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหยุดยาวทั้งปีใหม่และสงกรานต์ที่มีการเดินทางกลับบ้านและมีการดื่มเลี้ยงฉลองสังสรรค์ ความสูญเสียกับชีวิตและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นนั้น ยังส่งผลเสียหายต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล ทางแอพพลิเคชั่นอูเบอร์ (Uber) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเชื่อมต่อผู้โดยสารกับบริการการเดินทางผ่านสมาร์ทโฟน ได้ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดตัวโครงการ “รณรงค์ลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากการเมาแล้วขับ” โดยมีเป้าหมาย ช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุซึ่งมีสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะในช่วงเทศกาลที่จะถึงนี้ 

นายชาน พาร์ค ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อูเบอร์ กล่าวว่า แคมเปญนี้เป็นการร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับ และกองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อให้คนตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากเมาแล้วขับ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นอันดับสองในภูมิภาคอาเซียน ที่มีอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากที่คนดื่มไม่มีทางเลือกอื่น ๆ โดยเฉพาะในช่วงหลังเที่ยงคืนที่รถสาธารณะหยุดให้บริการ มีแท็กซี่น้อย หรือต้องการความปลอดภัย และประหยัดในการเดินทาง ซึ่งทางโครงการจึงได้นำเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์แบบดิจิตอลไปติดตั้งในร้านอาหารและผับ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในย่าน ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) จำนวน 4 แห่ง เพื่อให้ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ ได้เป่าลมหายใจทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด ซึ่งหากเกิน 0.05% ของระดับแอลกอฮอล์ในเลือด จะสามารถเรียกใช้บริการกลับบ้านได้ฟรี ในวงเงินค่าโดยสารสูงสุด 200 บาท ซึ่งบริการนี้สามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่ใช้งานอูเบอร์เป็นประจำ และผู้ที่เริ่มใช้งานใหม่ “
ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ 3 ของโลก ที่อูเบอร์ทำโครงการนี้ต่อจากประเทศแคนาดาและเวียดนาม ซึ่งในไทยจะเริ่มในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวยามราตรี ในซอยทองหล่อตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 58 ถึง 18 ม.ค. 59 ก่อนที่จะขยายไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในกรุงเทพฯ รวมถึงในต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ ในช่วงต่อไป” 

นายชาน กล่าวต่อว่า ในปี 2015 อูเบอร์ได้ให้บริการใน 61 ประเทศ 367 เมือง สำหรับในไทยมีผู้ดาวน์โหลดแอพไปใช้งานแล้วมากกว่า 1 ล้านครั้ง และช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีคนเรียกใช้บริการมากกว่า 1 ล้านเที่ยว สร้างงานให้กับคนไทยถึง 3 หมื่นคน และมีจำนวนคนขับเพิ่มขึ้น 1,000 คนต่อสัปดาห์ และใช้เวลารอรถนานเฉลี่ย 5 นาทีต่อการเรียกใช้งาน 1 ครั้ง และยังมีส่วนช่วยลดปัญหารถติด และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตด้วย 

ด้านนายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า มูลนิธิฯ ได้รณรงค์ให้ ประชาชนตระหนักอันตรายจากเมาแล้วขับมา 18 ปี ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจำนวนมากที่สุดในโลกของช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือช่วง 7 วันอันตราย มากกว่าญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ซึ่งจากสถิติเฉลี่ยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยมากกว่า 300 ราย และอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2558 ที่ผ่านมาพบว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรถึง 341 ราย บาดเจ็บ 3,117 ราย สาเหตุสำคัญเกิดจากการเมาแล้วขับ และคาดว่าในช่วง 7 วันอันตรายในปลายปีนี้(29 ธ.ค. 58-4 ม.ค. 59) ก็จะมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 300 ราย เหมือนเช่นที่ผ่านมา การที่ภาคเอกชนเห็นความสำคัญร่วมจัดโครงการนี้ขึ้นถือเป็นเรื่องที่ดีในการลดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเพราะเมาแล้วขับให้ลดลงและหวังว่าโครงการนี้จะขยายไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในต่างจังหวัดด้วย 

ขณะที่ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ผู้กำกับการกองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร(บก.จร.) กล่าวว่า ภารกิจหลักของกองกำกับการ 5 รับผิดชอบการตรวจพิสูจน์การขับขี่เมาแล้วขับ และการตรวจจับรถควันดำ ซึ่งได้ร่วมทำงานกับมูลนิธิเมาไม่ขับในการร่วมรณรงค์มาตั้งแต่ปี 2539 ในช่วงนั้นเรื่องการห้ามเมาแล้วขับเป็นเรื่องใหม่กับคนไทยและยังไม่มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ เมื่อตรวจพบจึงใช้วิธีตักเตือนแล้วให้พัก ต่อมาในปี 2541 เริ่มมีกฎหมายออกมา ช่วงแรก ๆ คนไทยอาจยังไม่ยอมรับ จึงใช้หลักรัฐศาสตร์นำนิติศาสตร์ แต่ปัจจุบันได้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรและขับขี่ต่าง ๆ ด้วย ทำให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุโดยรวมในกรุงเทพฯ ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ลดลงเหลือประมาณ 15,000 ครั้ง จากปีก่อนหน้าที่มีการเกิดอุบัติเหตุสูงถึง 30,000 ครั้ง 

“ขอชื่นชมในความมุ่งมั่นระหว่าง Uber กับ มูลนิธิเมาไม่ขับ ในการสนับสนุนนโยบายที่สำคัญของตำรวจในการลดจำนวนอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับขี่ยานพาหนะในกรุงเทพฯ เทคโนโลยีตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจจะมีส่วนช่วยให้ผู้ที่ดื่มเกิดความตระหนักถึงอันตรายจากการมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด อันจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะทำให้ผู้ดื่มทราบถึงระดับแอลกอฮอล์ได้ก่อนที่จะเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัย การเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง จะทำให้ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและตัดสินใจเลือกการเดินทางที่เหมาะสมเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตที่เกิดจากการเมาแล้วขับในทุกครั้งที่มีการดื่มสังสรรค์” พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ กล่าว 

ความร่วมมือครั้งนี้ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ หวังว่าจะมีส่วนช่วยสร้างความตระหนักให้กับผู้ที่ดื่มสังสรรค์ในช่วงเทศกาล ให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการไม่ขับรถในขณะมึนเมา เพื่อลดความสูญเสียกับชีวิตและทรัพย์สินให้น้อยลง.

ที่มา: