ฟีเจอร์เด่นของ Android O ระบบปฏิบัติการล่าสุด

รู้จัก 8 ฟีเจอร์เด่นของ Android O ระบบปฏิบัติการล่าสุด ก่อนเปิดตัว พฤษภาคมนี้
ล่าสุด Android O เปิดให้บริการแล้ว แต่สำหรับชาว Developer เอาไปศึกษาและเตรียมพัฒนาแอพฯ เท่านั้น ไม่ได้เปิดให้อัพเดทแบบสาธารณะ ซึ่งใครที่ใช้สมาร์ทโฟนของทาง Google อย่าง Pixel, Pixel XL, Pixel C, Nexus 5X, Nexus 6P หรือ Nexus Player ก็สามารถไปหาโหลดไฟล์ เพื่ออัพเดทลงเครื่องได้เลย

แต่สำหรับคนใช้งานทั่วไปอย่างเราๆ ก็ยังไม่ต้องน้อยใจไป (บางคนยังไม่ได้สัมผัส Nougat ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีบ) มาดูกันดีกว่าว่า ถ้า Android O เปิดให้ใช้งานกันแล้วในงาน Google I/O 2017 ในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ จะมีฟีเจอร์อะไรดีๆ ออกมาให้สัมผัสกันบ้าง ไปติดตามกันต่อได้เลย

1. แบตเตอรี่อึดขึ้น
ในเวอร์ชั่นก่อนหน้าทั้ง Marshmallow และ Nougat มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Doze mode ที่จะช่วยให้มือถือแอนดรอยด์ของเรากินพลังงานน้อยลง เมื่อเครื่องถูกเก็บไว้ในกระเป๋า แต่บน Android O ได้มีการพัฒนาฟีเจอร์ประหยัดแบตนี้ ด้วยการจัดระเบียบและจำกัดการทำงานของแอพฯ ที่ทำงานอยู่ใน Background ของเครื่อง ซึ่งทำให้ลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ไปได้อีกระดับหนึ่ง แต่ทางฝั่งผู้พัฒนาก็ต้องเช็คกันดีๆ ว่าฟีเจอร์นี้ ส่งผลต่อแอพฯ ที่พวกเขาสร้างขึ้นหรือเปล่า?
แน่นอนว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้ นอกจากจะประหยัดพลังงานขึ้นแล้ว ยังทำให้มือถือแอนดรอยด์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการใหม่นี้ มีความเร็วมากขึ้นเป็น 2 เท่าอีกด้วย

2. ระบบ Notifications ควบคุมได้มากขึ้น

บนระบบแจ้งเตือน Android O มีฟีเจอร์ใหม่ Notification channels มาให้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้ สามารถกำหนดความสำคัญของการแจ้งเตือนบางประเภทได้ บล็อคแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นไม่ให้แสดงผล เช่น แจ้งเตือนแอพวิ่งที่ขึ้นทุกวัน หรือข้อความแชทบางประเภทที่ไม่ต้องการให้ขึ้น
นอกจากนี้ ระบบแจ้งเตือนใหม่ ยังสามารถเปลี่ยนสี BG ได้ แสดงเนื้อหาได้มากขึ้นอีกด้วย

3. โหมด PIP (Picture-in-Picture)
บน Android O ได้นำโหมด PIP มาใช้งานบนมือถือ โดยระหว่างที่เรากำลังดู YouTube หรือ Netflix อยู่ ก็สามารถย่อจอวีดีโอ ให้เหลือเป็นจอขนาดเล็กไว้ติดตามได้ตลอดเวลา และไปใช้งานแอพฯ อื่นๆ เช่น เช็คเมล์, เรียกรถ Uber, เล่นโซเชียล แล้วจะสลับกลับไปดูวีดีโอเต็มๆ ก็ไม่ขาดช่วง

4. Adaptive Icons

สาวกแอนดรอยด์ ชอบที่จะเปลี่ยนธีมของเครื่องด้วย Launcher ใหม่ๆ แต่ปัญหาคือ แอพฯ ส่วนใหญ่ มันไม่ได้เปลี่ยนไปตามรูปทรงของแอพฯ ในธีม เช่น ไอคอนวงกลม หรือสี่เหลี่ยมมุมมน แต่บน Android O มีฟีเจอร์ Adaptive Icons ที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงของแอพฯ อื่นๆ ให้เข้ากับธีมของเครื่องได้

5. คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น
Android O ได้ใส่ ตัวแปลงเสียง High-quality Bluetooth audio codecs หรือเทคโนโลยี LDAC ให้แอนดรอยด์สามารถส่งผ่านเสียงระดับคุณภาพ ผ่านระบบไร้สายอย่างอุปกรณ์หูฟัง หรือสปีคเกอร์บลูทูธ ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะดีแค่ไหน คงต้องรอทดสอบกัน

6. Autofill Framework

Android O ได้พัฒนาระบบ Autofill ให้ใช้งานกันบนระบบปฏิบัติการใหม่ ซึ่ง Autofill ก็คือระบบในการจดจำข้อมูลต่างๆ ที่เราต้องกรอก เช่น พาสเวิร์ด อีเมล์ ชื่อสกุล หรือบัตรเครดิต ที่ลดชั้นตอนความน่ารำคาญในการที่ต้องกรอกใหม่บ่อยๆ หรือกรอกผิดบ้างถูกบ้าง โดยเราสามารถเลือกข้อมูลใน Autofill กรอกลงไปได้เลย แต่มันจะอันตรายรึเปล่านะ รอดูการใช้งานจริงตอนเปิดตัวอีกทีละกัน

7. รองรับ Multi-Display
เทรนด์การใช้งานแบบ Multi-Display เริ่มมาเรื่อยๆ ซึ่ง Android O ก็รองรับฟีเจอร์นี้เช่นกันในรูปแบบ Remote display แต่จะเป็นการใช้งานในรูปแบบไหน ใช้กับตระกูล Chrome อย่างเบราว์เซอร์หรือ Chrome OS รึเปล่า? ต้องรอดูกัน

8. เพิ่มประสิทธิภาพ Keyboard Inputs

Android O ได้มีการพัฒนาระบบปฏิบัติการ ให้สามารถใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ดได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะปุ่มทิศทาง Arrow Keys หรือปุ่ม Tab ที่เราไว้สำหรับเลือกเมนุไอคอนต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เราน่าจะได้ใช้งานบน Chromebook หรือ Chrome OS บนคอมพิวเตอร์ต่างๆ

และนี่ก็คือฟีเจอร์เด่นๆ ของ Android O ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ของสาวกแอนดรอยด์ ที่จะได้สัมผัสกันต่อจาก Nougat ส่วน O จะย่อมาจากอะไรนั้น คงต้องรอติดตามกัน

ที่มา: