ยุคสมัยพัฒนาหนังสือแบบเรียนนวัตกรรมใหม่ ในโครงการ เออาร์ ติวเตอร์

หลังทำหน้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายสื่อการเรียนการสอนและหนังสือแบบเรียนมานานกว่า 65 ปี สำหรับองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ องค์การค้า ของ สกสค.

มาถึงยุคดิจิตอลที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทางองค์การค้าของ สกสค. ก็ได้ปรับตัวเข้ากับยุคสมัยพัฒนาหนังสือแบบเรียนนวัตกรรมใหม่ ในโครงการ เออาร์ ติวเตอร์ (AR Tutor) ที่มีการนำเทคโนโลยีเออาร์ (AR:Augmented Reality) มาใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต เพื่อให้นักเรียนสามารถสแกนโค้ดจากหนังสือเรียน เพื่อรับชมแอนิเมชั่นหรือวิดีโอการสอนได้

ทำให้สามารถเข้าถึงสื่อการเรียนการสอนได้หลายรูปแบบด้วยหนังเล่มเดียวและยังสามารถทบทวนเนื้อหาที่ไม่เข้าใจ หรือเรื่องที่สนใจผ่านคลิปวิดีโอ ได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ นอกจากค่าดาต้าของสมาร์ทโฟน และค่าไว-ไฟ เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น!!

นายสมมาตร์ มีศิลป์ ผู้อำนวยการองค์การค้า ของ สกสค. กล่าวว่า มีแนวคิดจะทำโครงการนี้ตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ เมื่อปี 2539 แต่ขณะนั้นโครงสร้างพื้นฐาน อินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์ยังไม่พัฒนาและรองรับ จนมาถึงในยุคปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนได้รับความนิยม ราคาถูกลง และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง โครงข่าย 3 จี 4 จี มีความพร้อมจึงได้นำโครงการนี้มาทำอย่างจริงจังเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ใช้ทีมบุคลากรของ องค์การค้า ของ สกสค. กว่า 20 คน ในการดำเนินโครงการ รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Trick Book ขึ้นเอง การหาวิทยากรและติวเตอร์ระดับแนวหน้าของไทย รวมถึงการจัดทำคลิปวิดีโอบทเรียนต่าง ๆ ซึ่งโครงการนี้ไม่ได้ตั้งงบประมาณว่าจะต้องใช้เงินเท่าใด แต่ปัจจุบันใช้ไป 10 ล้านบาทแล้ว

โครงการนี้ถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการนำเทคโนโลยีเออาร์มาใช้ในหนังสือเรียน ครอบคลุมหนังสือที่องค์การค้า ของ สกสค. จัดพิมพ์ ตั้งแต่ประถมศึกษาปีที่ 1-มัธยมศึกษาปีที่ 6 รวม 4 ช่วงชั้น คือ ป.1-ป.3, ป.4-ป.6, ม.1-ม.3 และ ม.4-ม.6 ทั้ง 8 กลุ่มสาระวิชา คือ ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, สังคม, ภาษาอังกฤษ, การงานอาชีพ, สุขศึกษา และศิลปะ

“องค์การค้า ของ สกสค. ต้องการยกระดับคุณภาพของหนังสือเรียน ส่งเสริมให้เกิดการเรียนให้มากขึ้น สร้างความสนุกในการเรียนและอ่านตำราที่ได้ใช้งานอยู่แล้ว พร้อมกับลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างเด็กนักเรียนในเมืองและชนบท ลดภาระผู้ปกครองและเด็กที่มีฐานะทางบ้านไม่ดีไม่ต้องไปเสียเงินเรียนกวดวิชาเพิ่ม ขณะที่ครู อาจารย์ ก็สามารถใช้เทคโนโลยีเออาร์และนวัตกรรมหนังสือเรียนนี้ไปใช้สอนในวิชาที่ตนเองไม่ถนัดได้ เพราะมีคลิปวิดีโอที่มีติวเตอร์อธิบายบทเรียนอย่างละเอียดและให้เข้าใจง่าย มีความยาวเฉลี่ยประมาณ 20 นาทีต่อหนึ่งบทเรียน ถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยปฏิรูประบบการศึกษาของไทยได้ด้วย” นายสมมาตร์ กล่าว

ทั้งนี้ปัจจุบันสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่น Trick Book ได้แล้วในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ส่วนระบบปฏิบัติการไอโอเอส อยู่ระหว่างขออนุญาตและส่งผลงานให้ทางแอปเปิลตรวจ เพื่อนำแอพพลิเคชั่นขึ้นในแอพสโตร์ คาดว่าจะสามารถเริ่มดาวน์โหลดได้ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ สำหรับในส่วนของวินโดว์ส โฟน หากในอนาคตมียอดผู้ใช้ในไทยเพิ่มมากขึ้นทางองค์การค้า ของ สกสค. ก็จะพัฒนาขึ้นเพิ่มเติมในอนาคต

สำหรับน้อง ๆ นักเรียนที่สนใจจะใช้งานเทคโนโลยีนี้ในหนังสือขององค์การค้า ของ สกสค. นั้น ก็ให้เข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น “Trick Book” จาก กูเกิล เพลย์ สโตร์ สำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตแอนดรอยด์ หรือดาวน์โหลดจากแอพ สโตร์ สำหรับผู้ใช้ไอโฟน และไอแพด เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้วให้กดเข้าไปที่แอพพลิเคชั่น “Trick Book” จากนั้นให้กดติดตั้งโปรแกรม AURASMA ในกรณีที่เข้าใช้งานในครั้งแรก

ซึ่งหลังจากติดตั้งโปรแกรมเรียบร้อยแล้ว จะสามารถกดเลือกระดับชั้นการศึกษาได้จากแถบเมนูด้านบน จากนั้นให้กดเลือกรายวิชาที่ต้องการ โดยจะมีตัวเลือกให้ว่า จะทำการสแกนโดยใช้ปกหนังสือหรือหน้าหนังสือ จากนั้นเริ่มการสแกนโดยให้นำกล้องของสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตส่องไปที่หนังสือ ก็จะได้เป็นคลิปวิดีโอที่มีทั้งแอนิเมชั่นและวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของแต่ละรายวิชามาอธิบายเนื้อหาอย่างละเอียดสอดคล้องกับเนื้อหาและหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการให้ได้ชมกัน

นายสมมาตร์ กล่าวต่อว่า สำหรับการต่อยอดในอนาคต เตรียมจะทำแอนิเมชั่นความรู้ หรือคลิปวิดีโอวิธีการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องต่าง ๆ มาใส่ เพื่อให้นักเรียนสามารถเห็นภาพและเข้าใจได้ง่าย รวมถึงนำข้อมูลและคลังข้อสอบ แบบฝึกหัดต่าง ๆ มาให้วิทยากรอธิบายให้นักเรียนได้รู้แนวข้อสอบ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการสอบโอเน็ต และสอบพิซา ในทุกช่วงชั้น เพื่อเป็นการยกระดับความรู้ให้เด็ก ๆ ขณะเดียวกันก็จะช่วยให้ทราบว่าเด็กคนไหนมีการเรียนรู้เป็นอย่างไร อ่อนในวิชาไหน ก็สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ในการทบทวนในบทเรียนที่ไม่เข้าใจหรือในวิชาที่อ่อนได้ด้วย

อย่างไรก็ตามทางผู้อำนวยการองค์การค้า ของ สกสค. บอกว่า จะมีการนำโครงการนี้ไปโรดโชว์ยังสถานศึกษา และงานสัมมนาวิชาการเกี่ยวกับการศึกษาที่จะมีการจัดขึ้นในอนาคต แต่ทั้งนี้ไม่ได้หวังว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายหนังสือให้ได้มากขึ้น เพียงแต่เป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาด และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหนังสือเรียนเท่านั้น

สุดท้าย ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ฝากว่า อยากให้นักเรียนที่ใช้หนังสือขององค์การค้าของ สกสค. ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นและใช้กันมาก ๆ เพื่อให้อ่านและเรียนหนังสือได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และสนุกกับการเรียน ไม่เบื่อ ซึ่งจะช่วยยกระดับผลการเรียนให้ดีขึ้นได้แน่นอน.

จิราวัฒน์ จารุพันธ์

JirawatJ@dailynews.co.th