วิธีสร้าง QR Code ฟรี ใน 3 ขั้นตอน ปรับแต่งได้ ไม่หมดอายุ

วิธีสร้าง QR Code ฟรี ใน 3 ขั้นตอน ปรับแต่งได้ ไม่หมดอายุ

ทำความเข้าใจ QR Code คืออะไร
QR Code หรือ Quick Response Code เป็นบาร์โค้ดสองมิติที่ประกอบด้วยสี่เหลี่ยมสีดำที่จัดเรียงเป็นตารางสี่เหลี่ยมบนพื้นหลังสีขาว สามารถจัดเก็บอักขระที่เป็นตัวอักษรและตัวเลขคละกันได้สูงสุด 4,296 ตัว และส่วนใหญ่จะใช้สำหรับจัดเก็บ URL หรือข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้เรียกใช้ได้ง่ายโดยการสแกนโค้ดด้วยกล้องหรือเครื่องอ่านโค้ด

วิธีสร้าง QR Code ใน 3 ขั้นตอน
1. เลือกตัวสร้าง QR Code
ขั้นตอนแรกในการสร้าง QR Code ฟรี คือการเลือกเครื่องมือในการสร้างที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ โดยในปัจจุบันมีเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมมากมายทางออนไลน์เพื่อสร้างโค้ดดังกล่าวได้อย่างมีคุณภาพ รองรับการสแกนได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง และอย่าลืมตรวจสอบด้วยว่าบริการดังกล่าวนั้นฟรีหรือไม่

หากใครยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกสร้างกับเครื่องมือใด ME-QR ก็เป็นอีกหนึ่งบริการออนไลน์ที่ให้ใช้งานได้ฟรี รองรับข้อมูลหลากหลายประเภท เช่น Link / URL, PDF, ข้อความ, โซเชียล, Wi-Fi, ภาพ, vCard, Audio เป็นต้น

2. ป้อน URL หรือข้อความในตัวสร้าง
หลังจากเลือกเครื่องมือในการสร้าง QR Code แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการป้อนข้อมูลที่ต้องการเข้ารหัสใน QR Code หากใช้ URL เพียงคัดลอกและวางลงในช่องที่กำหนด หรือถ้าเป็นข้อความให้พิมพ์ข้อความที่ต้องการให้ผู้ใช้เห็นเมื่อมีคนสแกนโค้ดของเรา ส่วนใหญ่เครื่องมือในการสร้างจะมีความสามารถในการออกแบบโลโก้ สี และรูปภาพต่างๆ เพื่อสะท้อนถึงแบรนด์ได้ด้วย หรือเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งการใช้ตัวเลือกที่ปรับแต่งได้เป็นวิธีที่ดีในการทำให้โดดเด่นจากคู่แข่งและเข้าถึงผู้ที่พบเห็นได้กว้างขึ้น

หลังจากป้อนข้อมูลนี้แล้ว ตัวสร้างจะสร้างโค้ดที่กำหนดเองโดยอัตโนมัติ

3. พิมพ์และดาวน์โหลดเพื่อใช้ในรูปแบบต่างๆ
เมื่อสร้าง QR Code แล้ว เราสามารถบันทึกเป็นรูปแบบไฟล์ภาพ JPG หรือ PNG ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับการใช้งานบนเว็บไซต์ ส่งต่อออนไลน์หรือแชท รวมไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ และเอกสารทางการตลาดอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถฝังโค้ดลงในอีเมลหรือข้อความ SMS ซึ่งช่วยให้ผู้คนหรือลูกค้าสามารถสแกนและเชื่อมโยงผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้โดยตรง

สิ่งสำคัญเมื่อสร้าง QR Code แล้ว คือต้องทดสอบและสแกนเพื่อให้แน่ใจว่าโค้ดที่สร้างทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยปัจจุบันสามารถใช้กล้องของสมาร์โฟนสแกนทดสอบได้เลย หรือจะดาวน์โหลดแอปสแกนสำหรับอุปกรณ์มือถือก็ได้เช่นกัน

ที่มา: