อิทธิของมือถือต่อผู้นำสหรัฐ

ฤามือถือจะกำหนดผู้นำสหรัฐ
„พูดถึงหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทั่วโลกต้องจับจ้องติดตาม ณ ตอนนี้ก็คงไม่พ้นการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้งที่จะกำหนดผู้นำคนใหม่ของประเทศอภิมหาอำนาจทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก“

„ณ ตอนนี้พวกเราอยู่ในปีที่ 15 ของศตวรรษที่ 21 เรียกว่าเส้นทางข้างหน้าสู่ศตวรรษที่ 22 นั้นยังอีกยาวไกลเลยทีเดียว แต่เมื่อมองย้อนกลับไปคุณผู้อ่านประจำคอลัมน์วันพุธของผมคิดเหมือนกันไหมครับว่าการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีมือถือและอินเทอร์เน็ตทำให้ 15 ปีในโลกศตวรรษที่ 21 นี้เปลี่ยนไปจากเมื่อตอนปลายศตวรรษที่ 20 ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ การสื่อสารแบบเดิม ๆ ถูกแทนที่ด้วยสื่อดิจิทัลใหม่ (New Digital Media) ร้านขายของแบบเก่าเริ่มผันมาเป็นอีคอมเมิร์ซออนไลน์ มือถือสองจีเปลี่ยนมาเป็นสมาร์ทโฟนพร้อมอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงอย่างเต็มตัว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดทั้งมวลนี้ผมเชื่อว่ามีผลกระทบต่อทุก ๆ คนไม่มากก็น้อย มีผลต่อวิถีชีวิตในระดับจุลภาคที่เล็กที่สุดของครอบครัวชาวบ้านอย่างเรา ๆ ไปจนถึงวิถีปฏิบัติในระดับมหภาคที่ยิ่งใหญ่ระดับทั่วโลกต้องจับจ้องสายตามองเลยทีเดียว

พูดถึงหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทั่วโลกต้องจับจ้องติดตาม ณ ตอนนี้ก็คงไม่พ้นการเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้งที่จะกำหนดผู้นำคนใหม่ของประเทศอภิมหา อำนาจทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเองครับ ในปีหน้า ปี ค.ศ. 2016 นี้ถึงเวลาแล้วครับที่จะมีการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐอเมริกา คนใหม่ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อจาก บารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ถ้าคุณผู้อ่านได้ติดตามฟังประธานาธิบดีโอบามาอยู่เป็นประจำจะได้ยินเขาพูดอยู่เสมอเลยครับว่าเสียงโหวตของคนรุ่นใหม่นี่ล่ะที่เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้เขาชนะการเลือกตั้งมาได้ โดยในครั้งนั้นโอบามาเลือกใช้แคม เปญหาเสียงผ่านสื่อโซเชียลมีเดียมากมาย ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือแม้แต่การหาเสียงผ่านข้อความบนมือถือก็ทำครับ โดยลงทุนจ้างบริษัท Revolution Messaging มาทำตรงนี้ให้ ซึ่งผลที่ได้ก็เรียกว่าคุ้มค่า เลยล่ะครับเพราะพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งในครั้งนั้น ส่งให้โอบามากลายมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐ อเมริกาได้อย่างปัจจุบัน

เมื่อมีตัวอย่างความสำเร็จให้เห็นกันจะจะอย่างนี้แล้ว มีหรือครับที่การเลือกตั้งในปีหน้าที่จะถึงนี้เทคนิคหาเสียงออนไลน์นี้จะไม่ถูกหยิบมาใช้ซํ้า ยิ่งถ้าคุณผู้อ่านได้เห็นข้อมูลตัวเลขการสำรวจเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีผ่านทางสมาร์ทโฟนของคนอเมริกันแล้ว ยิ่งจะเห็นได้ชัดเลยครับว่าพรรคไหนไม่สนใจสื่อสมาร์ทโฟนนี้เห็นจะต้องตกม้าตายเอาง่าย ๆ ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าแน่ เพราะจากผลการสำรวจของ Pew Research Center พบว่าในปัจจุบันคนอเมริกันถึงกว่า 70% ใช้สมาร์ทโฟน ซึ่งตัวเลขนี้มากขึ้นกว่าเมื่อสี่ปีก่อนถึงเท่าตัวเลยทีเดียว และประมาณ 10% ของคนอเมริกันที่ใช้สมาร์ทโฟนนั้น ยังเลือกที่จะใช้แต่มือถือเพียงอย่างเดียวในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เรียกว่าไม่ยอมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือแม้แต่เครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเลยล่ะครับ ไม่เพียงเท่านี้นะครับข้อมูลสำรวจจากบริษัท comScore ยังบอกไว้ด้วยว่าเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งปีจาก ค.ศ. 2013 ไป ค.ศ. 2014 จำนวนของชาวอเมริกันที่อายุมากกว่า 55 ปีและใช้โมบายอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจาก 60% เป็น 74% เลยทีเดียว

เห็นตัวเลขเกี่ยวกับการใช้มือถือสมาร์ทโฟนที่มาแรงทั้งประเทศครอบคลุมไปไม่เว้นแม้แต่กลุ่มผู้สูงอายุอย่างนี้แล้ว คงไม่น่าแปลกใจอะไรนะครับที่เราจะเห็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรค เดโมแครตในสมัยหน้าอย่าง ฮิลลารี่ คลินตัน ไปควานหาจ้างทีมบริษัทเทคโนโลยีที่โอบามาเคยใช้บริการในครั้งก่อนมาช่วยเธอในครั้งนี้ด้วย

สังเวียนเลือกตั้งครั้งนี้ดูเหมือนทุกเสียงต่างเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ว่าต้องเน้นไปที่ “เทคโนโลยีมือถือ” แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าประชาสัมพันธ์เก่งอย่างเดียวจะชนะนะครับ เพราะถ้าป่าวประกาศนโยบายที่ไม่ดีออกไปเผลอ ๆ จะเป็นการเสียเงินเพื่อโฆษณาทำลายตัวเองเสียมากกว่า มันก็เหมือนหลักการ 4P ที่นักการตลาดชอบใช้กันน่ะครับว่าต่อให้สินค้า (Product) ดีแค่ไหน แต่ถ้ามันอยู่ไม่ถูกที่ (Place) ไม่มีการประชาสัมพันธ์ (Promotion) สร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย หรือ ของนั้นมีราคาค่างวด (Price) มากเกินไป ต่อให้ของดีจริงก็อาจขายไม่ออกได้เหมือนกัน ดูจากตัวอย่างของอเมริกาแล้วไม่แน่นะครับว่าการเลือกตั้งปีหน้าในเมืองไทยเรา อาจจะได้เห็นปรากฏการณ์ที่พรรคการ เมืองใหญ่มาฉุดกระชากแย่งชิงคุณเจี๊ยบเลียบด่วนให้มาช่วยทำแคมเปญหาเสียงออนไลน์ให้ก็เป็นได้ หรือคุณผู้อ่านคิดว่ายังไงครับ.“

ที่มา:เดลินิวส์