เมื่อภาวะหมดไฟการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้น AI จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้จริงหรือไม่?
หลังต้องต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19 อันแสนยาวนาน อุตสาหกรรมด้านเฮลท์แคร์กลับต้องเผชิญวิกฤติอีกครั้ง กับการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ทั่วโลกและการเพิ่มขึ้นของบุคลากรที่รู้สึกหมดไฟในการทำงาน เมื่อช่วงต้นปี 2022 ผลสำรวจพบว่า 1 ใน 2 หรือประมาณ 47% ของบุคลากรทางการแพทย์ รู้สึกหมดไฟในการทำงาน
ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีเพียง 42% เป็นเหตุให้บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากตัดสินใจลาออกจากสายอาชีพ สวนทางกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น จนหลายๆ โรงพยาบาลต่างเป็นกังวลว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้โรงพยาบาลไม่มีเจ้าหน้าที่เพียงพอต่อการดูแลผู้ป่วย จึงเกิดคำถามว่าเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) จะสามารถเข้ามาแก้วิกฤติและช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้หรือไม่?
ผู้ให้บริการด้านเฮลท์แคร์กำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์
เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ เพราะปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์มีมาตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 แต่ทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่บุคลากรทางการแพทย์เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานในช่วงของการระบาดของโควิด-19 โดยวงการเฮลท์แคร์ ถือเป็นหนึ่งในสามอันดับของวงการที่มีการลาออกจากงานมากที่สุด ด้วยเหตุผลต้องการความสมดุลของชีวิตการทำงาน และต้องการเวลาส่วนตัวมากขึ้น จากการสำรวจล่าสุดของ American Medical Association พบว่า 1 ใน 5 ของแพทย์ และ 2 ใน 5 ของพยาบาล ตั้งใจว่าจะลาออกจากสายอาชีพภายใน 2 ปีข้างหน้า
ลดความยุ่งยากของกระบวนการทำงานด้วยเทคโนโลยี AI
สิ่งที่ต้องเร่งทำเป็นอันดับแรก คือ การลดภาระงานที่ซ้ำซากและน่าเบื่อให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์มีเวลาที่จะโฟกัสที่การดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ มากกว่าต้องเสียเวลากับกระบวนการทำงานที่ยุ่งยาก นั่นหมายความว่าเราสามารถใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยจัดการงานบางอย่างที่เคยใช้กำลังคน มาใช้ระบบ AI แทนได้
ยกตัวอย่างเช่น นักรังสีเทคนิค ที่ถือว่าเป็นตำแหน่งที่ขาดแคลนมากเป็นอันดับ 2 ของโรงพยาบาลทั่วโลก โดยนักรังสีเทคนิคจะต้องเผชิญความท้าทายในแต่ละวัน ด้วยการสแกนผลผู้ป่วยได้อย่างชัดเจนและแม่นยำมากที่สุดในการทำงานเพียงครั้งเดียว เพื่อลดความวิตกกังวลให้กับผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัย และมีจำนวนงานที่สูง ซึ่งถือเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของความเครียดในการทำงาน
ซึ่งภาระงานต่างๆ ที่นักรังสีเทคนิคต้องทำด้วยตัวเอง สามารถทดแทนได้ด้วยระบบอัตโนมัติ และจากผลสำรวจพบว่านักรังสีเทคนิคยินดีให้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดภาระงาน โดยเห็นว่ากว่า 23% ของเนื้องานสามารถใช้ระบบอัตโนมัติมาช่วยได้ อาทิ การจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่เหมาะสมสำหรับการทำเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเครื่อง CT Scan เพื่อไม่ให้เกิดการใช้รังสีมากเกินความจำเป็น หรือสัญญาณกวนภาพ แต่เมื่อมีเทคโนโลยีการจับภาพ AI-enabled camera technology ที่มีอัลกอริทึ่มตรวจจับลักษณะทางกายวิภาคของผู้ป่วยแบบอัตโนมัติ รองรับประมวลผลที่รวดเร็ว แม่นยำ และสม่ำเสมอ จึงช่วยลดความยุ่งยากดังกล่าวออกไป
อีกหนึ่งตัวอย่าง ด้วยสมาร์ทเทคโนโลยีเซ็นเซอร์แบบไร้สัมผัสในการตรวจวัดอัตราการหายใจของผู้ป่วยแบบอัตโนมัติ เข้ามาช่วยนักรังสีเทคนิคในการเตรียมผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการตรวจด้วยเครื่อง MRI ได้ภายในไม่ถึงนาที ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถมีปฏิสัมพันธ์และดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ระบบสมาร์ท AI ยังช่วยแนะนำวิธีการสแกนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการตรวจในแต่ละครั้ง ตลอดจนการวางแผนการตรวจ การสแกน และการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพด้วย จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี AI เหล่านี้ ได้เข้ามาช่วยลดความวิตกกังวลในการตั้งค่าอุปกรณ์ และการเตรียมผู้ป่วย ทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถโฟกัสที่ตัวผู้ป่วย และลดความเครียดในการทำงานอีกด้วย
ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วย
ด้วยจำนวนข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยี AI สามารถเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระงานให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกในการดูแลรักษาผู้ป่วย อย่างเช่น ความท้าทายที่ทีมดูแลผู้ป่วยในหอผู้ป่วยวิกฤติ หรือไอ.ซี.ยู (ICU) ต้องเผชิญกับปริมาณข้อมูลจำนวนมากที่รวบรวมจากผู้ป่วยทุกราย โดยในแต่ละวันแพทย์และพยาบาลในหอผู้ป่วยวิกฤติ นอกจากต้องทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลผู้ป่วยแล้ว พวกเขายังต้องคอยมอนิเตอร์สัญญาณเตือนจำนวนมากที่มาจากผู้ป่วยแต่ละรายด้วย
ดังนั้น การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ predictive analytics ที่ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการจัดลำดับความสำคัญและแจ้งเตือนถึงผู้ป่วยที่มีแนวโน้มอาการทรุดหรือรุนแรงขึ้น เพื่อให้มีการดูแลอย่างเร่งด่วน หรือแจ้งเมื่อผู้ป่วยมีอาการคงที่และพร้อมที่จะย้ายไปสู่การดูแลรักษาที่หอผู้ป่วยธรรมดา ซึ่งชุดช้อมูลที่ได้รับการประมวลผลจากระบบ AI นี้จะช่วยให้แพทย์และพยาบาลตัดสินใจได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
ความจำเป็นของระบบ AI ที่ยึดบุคลากรเป็นศูนย์กลาง
แน่นอนว่าเทคโนโลยี AI ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในตัวช่วยในการลดภาระงาน และลดอัตราการลาออกของบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น แต่เทคโนโลยี AI ยังสามารถช่วยยกระดับวงการเฮลท์แคร์ได้อีกมาก ทั้งการปรับปรุงกระบวนการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษาทางคลีนิก
ที่สำคัญที่สุด ในการขจัดภาวะหมดไฟและสร้างความสุขในการทำงานให้บุคลากรทางการแพทย์ เราจำเป็นต้องพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลที่รองรับการดูแลรักษาระหว่างผู้ป่วยกับผู้ให้บริการอย่างเต็มที่ และจำเป็นต้องบูรณาการกระบวนการทำงาน เพื่อประยุกต์เทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในวงกว้าง และความจำเป็นที่จะต้องออกแบบการใช้งาน AI โดยยึดบุคลากรเป็นศูนย์กลาง การออกแบบโซลูชั่นที่ใช้ AI ต้องคำนึงถึงการนำไปใช้งานของบุคลากรเป็นสำคัญ โดยโซลูชั่น AI มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการลดภาระงาน และสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในที่พวกเขาต้องเผชิญความกดดันในการตัดสินใจ
ที่มา:
ไอทีจีเนียส เอ็นจิเนียริ่ง (IT Genius Engineering) ให้บริการด้านไอทีครบวงจร ทั้งงานด้านการอบรม (Training) สัมมนา รับงานเขียนโปรแกรม เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น งานออกแบบกราฟิก และงานด้าน E-Marketing ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ทั้ง SEO , PPC , และ Social media marketting
ติดต่อเราเพื่อสอบถามผลิตภัณฑ์ ขอราคา หรือปรึกษาเรื่องไอที ได้เลยค่ะ
Line : @itgenius (มี @ ด้านหน้า) หรือ https://lin.ee/xoFlBFeFacebook : https://www.facebook.com/itgeniusonline
Tel : 02-570-8449 มือถือ 088-807-9770 และ 092-841-7931
Email : contact@itgenius.co.th
แนะนำหลักสูตรอบรมที่น่าสนใจ
Google Document and Cloud for business
Google Document เป็นบริการออนไลน์ที่สามารถสร้างและจัดการด้านเอกสารได้เพียงแค่เรามี Gmail สำหรับเปิดใช้งานได้ฟรีๆ และมีประสิทธิภาพ โดยชุดเครื่องมือที่มากับ Google Document...
Adobe Photoshop CC 2018/2019 พื้นฐานถึงขั้นกลาง
Adobe Photoshop ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่คนออกแบบ (Designer) คุ้นเคยเป็นอย่างดี ด้วยประวัติและความสามารถที่โดดเด่นมาอย่างยาวนาน จนนับได้ว่าเป็นคู่ใจนักออกแบบและทำงานสายกร...
Illustrator CC 2018/2019 พื้นฐานถึงขั้นกลาง
Illustrator นับเป็นเครื่องมือที่คนออกแบบ (Graphic Designer) รู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ด้านความสามารถในการสร้างผลงาน Graphic ประเภทต่างๆ เช่น งานสื่อสิ่งพิมพ์ แผ่นพับ...
ระบบปฎิบัติการ Windows 10
Windows 10 เป็นระบบปฎิบัติการรุ่นล่าสุดจากทางบริษัท Microsoft มาพร้อมความสามารถมากมาย ในรุ่นนี้รองรับการทำงานทั้งบนเดสก์ทอป โน๊ตบุ๊ค และสมาร์ทโฟน โดยหน้าตาการใช้งานจะเหมือ...
Microsoft Office 2019
Microsoft Office 2019 เป็นรุ่นล่าสุดปัจจุบันที่ Microsoft พัฒนาและปล่อยให้ผู้ใช้งานได้เริ่มใช้งานกันแล้ว นับเป็นอีกก้าวสำคัญของชุด Office ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน โดยในรุ...
คำค้นหา : วิกฤติโควิด-19บุคลากรทางการแพทย์เทคโนโลยี aiนักรังสีเทคนิคเครื่อง mriการสแกนผลผู้ป่วยการทำเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์เครื่อง ct scanระบบสมาร์ท aiการตรวจวัดอัตราการหายใจ