เลือกแพ็กเกจสมาร์ทโฟนยังไงให้คุ้ม

5 ข้อต้องเช็ก! เลือกแพ็กเกจสมาร์ทโฟนยังไงให้คุ้ม
ปัจจุบันการแข่งขันของโอเปอเรเตอร์ก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นตั้งแต่การประมูลคลื่นความถี่ 900MHz/1800MHz ที่ใช้ทำ 4G เสร็จสิ้นไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ต้นปี 2559 มานี้ โปรโมชั่นจากผู้ให้บริการเครือข่ายออกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด แล้วแพ็กเกจแบบไหนล่ะที่เหมาะกับเรา? แต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นวันนี้เฟื่องอยากให้อ่าน 5 หัวข้อนี้ประกอบการตัดสินใจ จะได้เจอแพ็กเกจรายเดือนที่ "ใช่" ที่สุดค่ะ

1. ปริมาณเน็ต
ตอนนี้โปรโมชั่นของค่ายต่างๆ ที่เป็นแบบ Unlimited หรือไม่จำกัด มักแบ่งเป็นเน็ต 3G/4G ให้ปริมาณกี่ GB ก็ว่ากันไป ถ้าเราเป็นคนใช้มือถือแค่เล่น Line /Facebook ไม่ค่อยดูคลิป ไม่ค่อยส่งรูป ไม่ฟังเพลงจากออนไลน์ เน็ตแพ็กเกจเล็กๆ อาจจะพอ เช่น 3 - 5 GB ต่อเดือน แต่ถ้าเราดูคลิป ดูรูป ฟังเพลงบ่อยๆ แนะนำให้เลือกแพ็กเกจเน็ตสูงๆ เข้าไว้ จะได้ไม่ขัดใจเวลาเน็ตอืด เพราะโดยทั่วไปแล้วถ้าใช้ 4G ครบ ระบบก็จะโยกเราไปใช้ 3G โดยอัตโนมัติ (ซึ่ง 4G จะเร็วกว่า) และถ้าใช้เน็ตครบปริมาณแพ็กเกจที่เราเลือกแล้ว ระบบจะลดความเร็วอินเทอร์เน็ตลง หรือที่เราเรียกว่าติด FUP ตรงนี้เราก็ต้องดูด้วยว่า แพ็กเกจไหนลดความเร็วแล้วเหลือให้เราเท่าไร หรือบางค่ายก็มีโปรโมชั่นแบบใช้เน็ตครบแล้วตัดไปเลย แต่ถ้าใช้ไม่หมดก็ทบไปให้เดือนถัดไปก็มี

2. นาทีโทร
สมัยนี้คนแคร์เรื่องนาทีโทรกันน้อยลง เพราะเราสามารถโทรผ่าน Data (เน็ต) ได้แล้ว เช่น โทรผ่าน Line/Facetime/Skype/ Viber เป็นต้น ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้โทรผ่านโครงข่ายโทรศัพท์เท่าไร เรื่องนี้อาจไม่จำเป็นมากนัก หันไปเลือกแพ็กเกจที่เน้นอินเทอร์เน็ตเยอะๆ จะดีกว่า แต่ถ้าใครยังชอบวิธีโทรแบบคลาสสิก ก็เลือกแพ็กโทรแบบเหมานาทีที่โทรได้ทุกเครือข่าย มากน้อยแค่ไหนก็ตามความชอบเม้าท์เลย น่าจะเซฟที่สุดค่ะ

3. Wifi/ Customer Service
ใครๆ ก็อยากประหยัดดาต้า 3G/ 4G ของตัวเอง บางแพ็กเกจจึงบวกเพิ่มการให้บริการ wifi ฟรีมาด้วย ดังนั้นถ้าค่ายไหนมีบริการ wifi กระจายหลายจุด การเชื่อมต่อเสถียร ก็น่าจะนำมาเป็นปัจจัยในการพิจารณา อีกทั้งถ้าศูนย์ให้บริการมีเยอะ บริการ call center ดี บริการหน้าเว็บดี ใช้งานเข้าใจง่าย ก็น่าจะเอื้อประโยชน์ให้เราอยู่กับค่ายนั้นๆ ได้อย่างแฮปปี้มากขึ้น

4. บริการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อื่นๆ
เดี๋ยวนี้โอเปอเรเตอร์หันมาแข่งขันกันด้วยการบวกสิทธิพิเศษต่างๆ เข้าไปในแพ็กเกจที่หลากหลายขึ้น เช่น ให้ปริมาณเก็บข้อมูลบนกลุ่มเมฆฟรีๆ (Cloud Storage) ให้โควตาดูหนังฟรีผ่านแอปสตรีมมิ่ง บริการเล่น Facebook/ Line ฟรีไม่คิดค่าเน็ต หรือผูกกับบริการสตรีมมิ่งเพลง และให้ราคาที่ถูกกว่าซื้อแยกเองปกติ จริงๆ แล้วจากการได้คุยกับโอเปอเรเตอร์หลายๆ ค่าย เขาไม่ได้มองตัวเองเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายมือถือเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่พยายามจะตอบโจทย์ด้าน lifestyle ให้ครบวงจร ตรงนี้ก็ต้องเลือกว่า ไลฟ์สไตล์ของเราเหมาะกับสิทธิพิเศษที่ค่ายไหนนำเสนอ

5. โปรโมชั่นท็อปอัป
ในกรณีที่เราเลือกใช้แพ็กเกจหลักแล้ว แต่บางเดือนมีความต้องการเพิ่ม เช่น เดือนนี้จำเป็นต้องใช้เน็ตเกินโควตาหรือโทรเกิน ก่อนเลือกค่ายก็ต้องดูเผื่อไปในอนาคตด้วยว่า มีแพ็กเกจที่หลากหลาย คุ้มค่า เตรียมรองรับความต้องการกะทันหันของเราได้หรือไม่

ง่ายๆ คร่าวๆ 5 ข้อแบบนี้ ก่อนตัดสินใจย้ายค่ายหรือเปลี่ยนแพ็กเกจ ถามตัวเองว่า เรามีไลฟ์สไตล์แบบไหน และเลือกแพ็กเกจที่ตอบโจทย์เรามากที่สุด และเปรียบเทียบราคาคำนวณกันดูนะคะ ขอให้ทุกคนแฮปปี้กับการใช้มือถือให้คุ้มค่าค่ะ

ที่มา: