12 วิธี ยืดแบตให้ iOS9 ใช้ระหว่างวันได้นานขึ้น

ไม่ต้องถามกูรู! ล้วง 12 วิธี ยืดแบตให้ iOS9 ใช้ระหว่างวันได้นานขึ้น
เรียนรู้ 12 เทคนิคง่ายๆ แต่สามารถยืดการใช้งานให้แบตเตอรี่ของคุณได้เต็มพลัง เอาใจผู้ใช้ไอโฟน ไอแพด และไอพอด แบบไม่ต้องเปลืองเวลาชาร์จไฟ…

ยอมรับมั้ยว่าตั้งแต่เราเปลี่ยนมาถือ "สมาร์ทโฟน" อยู่ในมือ... นอกจาก "อินเทอร์เน็ต" ความเร็วปรู๊ดปร๊าด ก็เห็นจะเป็น "แบตเตอรี่" นี่แหละที่ใครๆ ต้องคอยภาวนาไม่ให้เกิดหมดกลางคัน จนทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ต้องยอมสละพื้นที่ส่วนหนึ่งในกระเป๋าเพื่อพกพาแบตเตอรี่สำรอง จะเครื่องใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ก็ต้องมีไว้ติดกระเป๋า เพื่อป้องกันปัญหาแบตหมดแบบไม่รู้ตัวนั่นเอง

ใช่ว่าการพกพาแบตเตอรี่สำรอง หรือปลั๊กเตรียมชาร์จไฟ จะเป็นทางออกที่ดีเสมอไป...! แต่คุณควรให้ความสำคัญกับเทคนิคหรือใส่ใจวิธีการใช้งานสักเล็กน้อย เพื่อประหยัดแบตเตอรี่และยืดเวลาการใช้งานระหว่างวันให้ยาวนานขึ้น

เพราะ เว็บ mashable ได้นำเสนอเทคนิคที่น่าสนใจ 12 วิธี เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ แต่คราวนี้เป็นการเน้นไปที่ระบบปฏิบัติการ iOS9 ของผู้ใช้งานไอโฟน ไอแพด ไอพอด ว่าแต่ 12 วิธี จะมีอะไรบ้าง ลองดูไปพร้อมกัน...!

1. แอพไหนใช้แบตเปลือง!
เชื่อว่าหลายคนที่ใช้อุปกรณ์ของแอปเปิลอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน ว่ามีวิธีที่ง่ายดายในการตรวจสอบว่าแอพพลิเคชั่นไหนที่ทำให้อุปกรณ์ของคุณต้องสิ้นเปลืองแบตเตอรี่มากที่สุด... สำหรับทุกคนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS9 สามารถเข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) และเลือกที่หัวข้อแบตเตอรี่ (Battery) จากนั้นก็สามารถกดเครื่องหมายนาฬิกา เพื่อเรียกดูข้อมูลได้อย่างง่ายดาย ทั้งการใช้งานภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และแบบ 7 วันที่ผ่านมา หากว่าคุณยังใช้งานในโหมดปกติก็ไม่เป็นไร แต่หากเกิดสถานการณ์แบตใกล้หมดและไม่มีพลังงานสำรอง ก็ลองปิดๆ แอพเหล่านี้ลงบ้าง เพื่อยืดอายุให้แบตเตอรี่

2. พลังงานต่ำ...?
หากเข้าช่วงแบตเตอรี่ใกล้ดับสูญไปจริงๆ ตอนนี้คุณสามารถเลือกใช้งานในโหมดประหยัดพลังงานได้แล้ว เพื่อที่จะได้ต่ออายุการใช้งานออกไปอีกหน่อย ซึ่งเมื่อคุณเข้าสู่โหมดดังกล่าว เพียงเลือกจาก การตั้งค่า (Settings) แบตเตอรี่ (Battery) และเปิด โหมดพลังงานต่ำ (Lower Power Mode) อุปกรณ์จะปิดการแจ้งเตือนในหลายๆ ส่วน อาทิ การดึงข้อมูลใหม่จากอีเมล, การดาวน์โหลดอัตโนมัติ, การดึงข้อมูลจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ...สังเกตง่ายๆ ก็คือแถบแสดงแบตเตอรี่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง (จากเดิมที่เป็นสีเขียว) เมื่อเข้าสู่โหมดการใช้งานดังกล่าว

3. ปิดโลเกชั่น
เคยสังเกตไหมว่าหลายๆ แอพพลิเคชั่นจะขออนุญาตเข้าถึงบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง หรือที่เรียกว่าโลเกชั่น เซอร์วิส และนี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อุปกรณ์ของเราต้องสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ไปไม่น้อย เพราะระบบจะต้องค้นหาอยู่ตลอดว่าคุณอยู่ในพิกัดหรือสถานที่ใดนั่นเอง หากไม่ต้องการใช้งานบริการดังกล่าว ก็ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) ความเป็นส่วนตัว (Privacy) บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง (Location Services) จากนั้นก็ให้เลือกปิด!!! หากคุณต้องการประหยัดแบตเตอรี่

4. ปิดบลูทูธ
คุณเป็นคนหนึ่งที่เปิดบลูทูธเอาไว้ตลอดเวลาหรือเปล่า? นี่ก็เป็นอีกปัจจัยสิ้นเปลืองแบตเตอรี่นะจ๊ะ แม้ว่าระบบปฏิบัติการใหม่ๆ จะถูกพัฒนาระบบบลูทูธให้เป็นแบบใช้พลังงานต่ำก็ตามเถอะ แต่ถ้าคุณไม่ได้เชื่อมกับลำโพง, หูฟังบลูทูธไร้สาย, แอปเปิล วอตช์, ส่งข้อมูลผ่าน AirDrop อยู่บ่อยๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเปิดบลูทูธทิ้งไว้ก็ได้นะ วิธีปิดก็ง่ายดายเพียงเข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) บลูทูธ (Bluetooth) แค่นั้นเอง

5. เคลียร์วิดเจ็ต
ถามว่าในอุปกรณ์ของเรามีอะไรที่ใช้งานวิดเจ็ต (Widget) อยู่บ้าง...คุณสามารถเข้าไปตรวจสอบได้จาก แถบการแจ้งเตือน (Notification Center) เรียกว่าอะไรที่ไม่ได้ใช้ก็ปิดเสียเถอะ เปลืองแบตเตอรี่จริงๆ วิธีการตรวจสอบนั้นก็ง่ายมากๆ เพียงลากนิ้วจากด้านบนหน้าจอลงมาก็จะเจอกับแถบการแจ้งเตือนแล้ว จากนั้นก็เพียงแค่กด แก้ไข (Edit) เพื่อนำวิดเจ็ตเหล่านั้นออกไป

6. หยุดดึงข้อมูลใหม่ให้แอพ
ถือเป็นฟังก์ชั่นดีๆ ที่พัฒนาขึ้นมาอำนวยความสะดวกผู้ใช้งาน เพราะคุณสมบัติที่เรียกว่า "ดึงข้อมูลใหม่ให้แอพอยู่เบื้องหลัง" นี้ จะคอยดึงข้อมูลให้กับแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่คุณใช้งานโดยอัตโนมัติแม้ว่าคุณจะไม่ได้เปิดใช้แอพเหล่านั้นก็เถอะ ฟังดูสิ้นเปลืองแบตพิกลนะ... คุณสามารถเข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) ทั่วไป (General) และเลือก ดึงข้อมูลใหม่ให้แอพอยู่เบื้องหลัง (Background App Refresh) และสามารถเลือกปิดการอนุญาตให้แอพต่างๆ ดึงข้อมูลเนื้อหาใหม่ขณะที่เครื่องเชื่อมต่อกับไวไฟหรือ 3จี อยู่ก็ได้

7. ลดลูกเล่นเปลืองแบต
มือถือใหม่ๆ ย่อมมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานดูสมจริงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับการที่แอปเปิลพัฒนาให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นหน้าจอได้ดีขึ้นให้มิติมากขึ้น แต่หลายครั้งก็ทำให้เราปวดตาและเปลืองแบตเตอรี่แบบสุดๆ หากคุณรู้สึกว่าถึงเวลาปิดเอฟเฟกต์เหล่านั้น ก็ให้เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) ทั่วไป (General) การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) และเลือกเปิด ลดการเคลื่อนไหว (Reduce Motion)

8. ใช้ตัวช่วยในการเข้าถึง
จะเสียเวลาหาฟังก์ชั่นหลายๆ อย่างอยู่ทำไม เพราะแอปเปิลได้พัฒนาช่องทางลัดในการใช้งานเอาไว้แล้ว ด้วยสิ่งที่เรียกว่า การช่วยการเข้าถึง หรือ Accessibility นั่นเอง ซึ่งในหมวดนี้เต็มไปด้วยฟังก์ชั่นในการช่วยใช้งานและประหยัดพลังงานให้อุปกรณ์ของคุณ ลองกดเข้าไปเลือกและเล่นกันดูได้

9. ปิดการอัพเดตแอพแบบอัตโนมัติ
แม้หลายคนจะชื่นชอบที่ไม่ต้องมาคอยกดอัพเดตแอพพลิเคชั่นด้วยตัวเอง แต่หลายคนก็มองว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะเจ้าอุปกรณ์อัจฉริยะนั้นคอยจะอัพเดตตัวเองอยู่เรื่อย ถ้าคุณต้องการจะกดอัพเดตแอพด้วยตนเอง ก็แค่เข้าไปปิดรายการอัตโนมัติจาก การตั้งค่า (Settings) App Store และ iTunes Store (App Store and iTunes Store) จากนั้นก็เลือกปิดรายการดาวน์โหลดอัตโนมัติได้เลย

10. ลดความสว่างหน้าจอ
การที่คุณเปิดความสว่างหน้าจอให้มีแสงจ้าเกินไปก็เปลืองแบตเตอรี่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะหน้าจอสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตในปัจจุบันซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ดังนั้นลองปรับลดแสงลงมาหน่อย ให้อยู่ในระดับที่คุณยังสามารถมองเห็นได้ชัดเจนไม่สว่างหรือมืดจนเกินไป การตั้งค่า (Settings) จอแสดงผลและความสว่าง (Display & Brightness) จากนั้นก็สามารถปรับระดับความสว่างได้ตามที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องเลือกปรับความสว่างอัตโนมัติ เพียงเท่านี้ก็น่าจะประหยัดพลังงานลงไปได้พอสมควร

11. ไม่ใช้ Live Photos
หากคุณไม่ได้ใช้ไอโฟน 6เอส หรือไอโฟน 6เอส พลัส ก็อาจไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้ เพราะเรากำลังพูดถึงฟีเจอร์ใหม่ของแอปเปิลในชื่อ Live Photos ซึ่งหากคุณได้เลือกเอา living memories ขึ้นมาเป็นภาพพื้นหลังด้วยแล้วล่ะก็...แน่นอนว่านอกจากความสนุกสนานในการชื่นชมภาพถ่าย คุณอาจจะต้องตกใจกับภาวะขาดแคลนแบตเตอรี่ก็เป็นได้

12. อย่าเพิ่งใช้ 3D Touch
นี่ก็เป็นอีกฟีเจอร์สำหรับผู้ใช้ไอโฟนรุ่นใหม่เท่านั้น... ที่บอกว่าอย่าเพิ่งใช้ก็ไม่ได้หมายความว่าฟีเจอร์นี้ไม่ดีหรอกนะ แต่เรากำลังจะบอกว่าฟีเจอร์นี้อาจจะทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น ก็เท่านั้นแหละ ถ้าอยากปิดการใช้งานฟีเจอร์นี้ ก็แค่เข้าไปที่ การตั้งค่า (Settings) ทั่วไป (General) การช่วยการเข้าถึง (Accessibility) และ 3D Touch

จริงๆ แล้วก็มีหลายเทคนิคที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ หรือวินโดวส์โฟน สามารถทำตามได้ อาทิ การเลือกใช้โหมดประหยัดพลังงาน, การปิดบลูทูธหากยังไม่ได้ใช้งาน, การปรับลดความสว่างหน้าจอให้อยู่ในระดับที่พอดี, การเลือกใช้ภาพพื้นหลังแบบไม่เคลื่อนไหว เป็นต้น ยังไงก็ลองใช้งานดู เผื่อจะช่วยยืดแบตเตอรี่และเพิ่มเวลาใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องโปรดระหว่างวันได้มากขึ้น...!!!

ที่มา: