Reels Facebook คืออะไร ใช้สร้างรายได้ยังไง

Reels Facebook คืออะไร ใช้สร้างรายได้ยังไง หาคำตอบได้ที่นี่

หลังจากที่มีกระแสฮือฮาเกี่ยวกับการโพสต์คลิป Reels ใน Facebook ของผู้ที่เป็นครีเอเตอร์ ว่าสามารถสร้างรายได้มากถึงหลักล้านบาท ทำให้หลายคนเริ่มสนใจอยากหันมาทำคลิป Reels กัน ก่อนที่จะพบว่าแท้จริงแล้วเป็นเพียงบั๊กของระบบที่แสดงยอดรายได้ผิดพลาดเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยทราบว่าฟีเจอร์ Reels คืออะไร และใช้ยังไงกันแน่ วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกัน

Reels Facebook คืออะไร
Reels ใน Facebook เป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้และเหล่าครีเอเตอร์สามารถโพสต์และแชร์คลิปวิดีโอสั้น ๆ ซึ่งมีเครื่องมือสำหรับใช้ปรับแต่งใส่เสียงดนตรีและเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ได้ในตัว โดยคลิป Reels เมื่อโพสต์แล้วจะคงอยู่แบบไม่มีวันหมดอายุ ต่างจากฟีเจอร์ Stories ที่จะแสดงให้คนอื่นสามารถดูได้ภายใน 24 ชั่วโมง หลังการโพสต์เท่านั้น นอกจากนี้ฟีเจอร์ Reels ก็จะมีให้ใช้งานใน Instagram ด้วยเช่นกัน

Reels Facebook อยู่ตรงไหน ใช้ยังไง
ผู้ที่ใช้ Facebook อาจจะเคยเห็นคลิป Reels ของคนอื่น ๆ ในขณะที่กำลังเลื่อนดูหน้า Feed กันบ้าง แต่เมื่อต้องการอยากจะลองโพสต์คลิปของตัวเองกลับหาไม่เจอ ไม่รู้ว่าต้องเข้าไปที่ไหน ซึ่งความจริงแล้วสามารถทำได้หลายทาง แต่ทางที่ง่ายที่สุดแนะนำทำตามนี้ (เฉพาะบนโทรศัพท์มือถือเท่านั้น)

1. ไปที่แท็บหน้า Menu แล้วกดที่ปุ่ม Reels

2. เมื่อกดเข้าไปแล้วจะเข้าสู่หน้า Reels ที่สามารถเลื่อนดูคลิปของคนอื่นได้

3. บริเวณด้านขวาบนจะมีปุ่มสร้าง (Create) ที่มีลักษณะไอคอนเป็นกล้องถ่ายรูป กดแล้วจะสามารถสร้างและโพสต์คลิป Reels ของตัวเองได้

ทั้งนี้ ในการโพสต์คลิป Reels สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้เหมือนกับการโพสต์ปกติ เช่น ต้องการให้สามารถมองเห็นได้แบบสาธารณะ (Public) หรือให้มองเห็นได้แค่เพื่อน (Friends) เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแชร์คลิปไปยังบัญชี Instagram ที่ลิงก์ไว้กับบัญชี Facebook ได้อีกด้วย

Reels Facebook สร้างรายได้ยังไง
ในการจะสร้างรายได้จากคลิป Reels นั้น จำเป็นจะต้องเป็นครีเอเตอร์ที่มีเพจซึ่งมียอดผู้ติดตามและจำนวนผู้ชมคลิป Reels ถึงตามจำนวนที่กำหนด รวมทั้งผ่านเงื่อนไขต่่าง ๆ และจำเป็นต้องได้รับการเชิญจากทาง Facebook เท่านั้น ซึ่งเงื่อนไขอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และเงื่อนไขการสร้างรายได้จาก Reels ใน Facebook กับ Instagram อาจมีความแตกต่างกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก : facebook.com, (2)