WWDC 2024 เปิดตัว iOS 18 พร้อม Siri โฉมใหม่พลัง AI

WWDC 2024 เปิดตัว iOS 18 พร้อม Siri โฉมใหม่พลัง AI


Apple เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ "iOS 18" พร้อม Siri โฉมใหม่ และฟีเจอร์พลัง AI มากมาย ในงาน "WWDC 2024"

คืนวันที่ 10 มิถุนายน หรือเช้ามืดวันที่ 11 มิถุนายน 2567 วันแรกของงาน Worldwide Developers Conference 2024 หรือ WWDC 2024 งานประชุมนักพัฒนาประจำปีของ Apple จัดขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยในงานนี้เป็นการเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่อย่าง "iOS 18" รวมถึงระบบซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่ไร้การเปิดตัวฮาร์ดแวร์ ดังที่มาร์ค เกอร์แมน เหยี่ยวข่าวจากบลูมเบิร์ก เคยกล่าวไว้

โดย Apple เผยโฉมอะไรในงาน WWDC 2024 บ้าง ตามมาดูกัน!

visionOS 2

เป็นการอัปเดตครั้งใหญ่บนอุปกรณ์ใหม่อย่าง Apple Vision Pro ที่มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น การคว่ำมือเพื่อเช็กแบตเตอรี่หรือการแจ้งเตือน การแชร์ภาพ วิดีโอ หรือการแสดงผลร่วมกันกับเพื่อผ่าน SharePlay ที่ไม่ว่าเพื่อนจะอยู่ห่างเราขนาดไหน ก็สามารถแชร์ประสบการณ์ต่าง ๆ ร่วมกันได้ รวมถึงฟีเจอร์สำหรับแอปฯ รูปภาพ ที่ช่วยให้เราดูภาพมุมกว้างอย่างมีมิติมากขึ้น และสามารถรังสรรค์ Spatial Photo ทำให้ภาพมีมิติเพิ่มมากขึ้น

โดย Apple ประกาศว่า Apple Vision Pro จะพร้อมจำหน่ายในประเทศและภูมิภาคใหม่เพิ่มเติม โดยลูกค้าในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันพฤหัสที่ 13 มิถุนายน เวลา 18:00 น. ตามเวลาแปซิฟิก และจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายนเป็นต้นไป ส่วนลูกค้าในออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร สามารถสั่งซื้อ Vision Pro ล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน เวลา 5:00 น. ตามเวลาแปซิฟิก และจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคมเป็นต้นไป

iOS 18

ถึงคิวของพระเอกในงานนี้อย่าง iOS 18 ที่มาพร้อมฟีเจอร์การออกแบบหน้าโฮมได้เองตามสไตล์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกโหมด เลือกสีของไอคอนแอปฯ สามารถปัดหน้าจอเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ต่าง ๆ ในหน้า Control Center หรือศูนย์ควบคุมได้ สามารถเลือกได้ว่าจะให้ปุ่มหลักบนหน้าจอล็อกของเราเป็นอย่างไร

มีฟีเจอร์ Lock an App ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น เราสามารถกดซ่อน เพื่อเพิ่มไปยังหน้า Hidden หรือหน้าแอปฯ ที่ซ่อนไว้ และหากเราต้องการเข้าถึงแอปฯ ที่ล็อกหรือซ่อนอยู่ ต้องล็อกอินผ่าน Face ID หรือ Touch ID ถึงจะเข้าถึงได้

มีฟีเจอร์ใหม่บนแอปฯ Messages ได้แก่ เราสามารถส่งข้อความผ่านดาวเทียมได้, ส่งสติ๊กเกอร์บนข้อความแบบ Tap Back ได้, มีเอฟเฟกต์บนข้อความ และฟีเจอร์ใหม่บน Mail จะช่วยเราแบ่งประเภทของเมลอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเมลของบุคคล บิล โปรโมชัน หรืออื่นๆ

นอกจากนี้ บนแอปฯ Wallet มีการเปิดตัวฟีเจอร์ Tap to Cash การจ่ายเงินแบบไร้การสัมผัส เพียงนำ iPhone มาวางใกล้กัน, มี Game Mode ที่จะช่วยดันเฟรมเรตให้สูงสุด เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุด

Photos มีการเพิ่ม Collections ช่วยให้เราสามารถจัดการรูปแบบของรูปให้เป็นระเบียบและเป็นหมวดหมู่ได้ รวมถึงการรีดีไซน์เพื่อให้สามารถดูรูปได้ง่าย ทั้งยังสามารถเลือกดูรูปได้ตามเวลาที่ต้องการด้วย

และเมื่อเราใช้ AirPods อยู่ จะมีฟีเจอร์ใหม่ คือ เราสามารถเลือกพยักหน้า หรือส่ายหน้าในการตอบรับการโทรได้ รวมถึง Spatial Audio และการตัดเสียงรบกวนชั้นเลิศ

tvOS 18

มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ชื่อ Insight ที่ด้านล่างภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่เราดู จะสามารถตรวจสอบรายละเอียดของนักแสดงพร้อมบทในเรื่อง และรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับภาพยนตร์หรือซีรีส์นั้นๆ ได้

watchOS 11

มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่คือโหมดการฝึก ที่จะบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของร่างกายเรา สามารถเลือกปรับโหมดการฝึกตั้งแต่ระดับต่ำสุด ไปจนถึงการฝึกระดับโปร มาพร้อมฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ สามารถติดตามรายละเอียดสุขภาพประจำวันได้ ผ่านแอปฯ Vital ที่ช่วยติดตาม วิเคราะห์ และแนะนำแนวทางการดูแลสุขภาพให้เราได้

มีการเพิ่มการแปลภาษา และการพยากรณ์อากาศเป็น Widget บน Apple Watch รวมถึงสามารถใช้ฟีเจอร์ Check-In เพื่อให้สามารถว่าเราอยู่ไหน หรือถึงที่หมายแล้ว และเราสามารถออกแบบหน้าปัดเองได้ จากการดึงภาพที่ดีที่สุดของเรามา จากนั้นสามารถปรับพื้นหลัง หรือฟอนต์ของนาฬิกาได้

iPadOS 18

มาพร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่จะมีลักษณะส่วนใหญ่คล้ายกับ iOS 18 มี Tap On ที่สามารถลากสิ่งที่เราต้องการไปยังปุ่มคำสั่งต่าง ๆ ได้ ฟีเจอร์ SharePlay ที่สามารถกดเพื่อใช้งานเครื่องของผู้ที่เราต้องการได้ ประหนึ่งนำ Teamviewer มาไว้บน iPad และครั้งนี้ยังได้เพิ่มแอปฯ เครื่องคิดเลขมาให้แล้วด้วย!

และภายในแอปฯ เครื่องคิดเลข เราสามารถเขียนโจทย์ปัญหาพร้อมเครื่องหมายเท่ากับ จากนั้นระบบก็จะคำนวณคำตอบมาให้โดยอัตโนมัติ ทั้งยังสามารถกดเครื่องหมายเท่ากับบนสมการฟังก์ชัน เพื่อให้ระบบสร้างกราฟขึ้นมาได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมี Smart Script ในแอปฯ Note ที่ระบบจะจดจำลายมือเราและออกแบบตัวอักษรมาให้เราโดยเฉพาะ

macOS Sequoia

มีการเปิดตัว แอปฯ iPhone Mirroring สามารถเชื่อมต่อและเข้าถึง iPhone ของเราผ่านอุปกรณ์ Mac ได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งงภาพและเสียง ซึ่งเราสามารถใช้งาน iPhone ผ่าน Mac ขณะที่ตัวเครื่อง iPhone อยู่ในโหมด StandBy ได้, มีการจัดวางที่เป็นระเบียบโดยอัตโนมัติ เมื่อเราลากแท็บไปยังมุมใดมุมหนึ่งของจอ บนแอปฯ Video Call สามารถเปลี่ยนวอลเปเปอร์ได้ตามที่เราต้องการ

นอกจากนี้ ยังมี แอปฯ Password ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าใช้งานของเรา, แอปฯ Safari ที่ Apple ระบุว่ากินแบตฯ น้อยกว่าการใช้งาน Chrome กว่า 4 ชั่วโมง, มีโหมดที่ช่วยสรุปความบนหน้าเว็บนั้น ๆ มาให้เรา รวมถึงเลือกเฉพาะจุดที่เราต้องการมาให้ดูได้ และมีการอัปเกรดแอปฯ เกม เป็น Game Porting Tool Kits 2

macOS Sequoia เปิดอัปเดต Public Beta เดือน ก.ค. และพร้อมเปิดอัปเดตให้ใช้งานทั่วไปฤดูใบไม้ร่วงนี้

Apple Intelligence

เป็นการเปิดตัวระบบ AI อย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Apple มาพร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เราเราในหลายด้าน เช่น การช่วยเหลือด้านการใช้ภาษาในการแก้คำ แนะนำการใช้คำ ประโยคต่าง ๆ, สามารถออกแบบภาพ AI จากรูปโปรไฟล์ของบุคคลต่าง ๆ ที่เราบันทึกไว้ได้, สามารถออกคำสั่งให้รองรับคำสั่งที่ซับซ้อนเพื่อประหยัดเวลาในการค้นหาของเราได้, และการวิเคราะห์ภาพรวมในการใช้งานแอปฯ ของเรา

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย ได้แก่

Private Cloud Compute มีการปกป้องความเป็นส่วนตัวของเราผ่านระบบ Cloud เมื่อเราต้องการเข้าถึงสิ่งที่ต้องการ ระบบจะให้เรายืนยันรหัสหรือคำตอบที่เราตั้งค่าไว้ เพื่อที่เราจะได้เข้าถึงสิ่งที่ต้องการบนอุปกรณ์นั้น ๆ

Siri พลัง AI สามารถใช้งานได้ทั้งบน iPad และ Mac มาพร้อมความเป็นธรรมชาติมากขึ้น สนทนาได้ตรงประเด็นมากขึ้น และมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถออกคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้นได้ เช่น การจัดการวางแผน การพิมพ์เพื่อค้นหาผ่าน Siri รวมถึงสามารถค้นหา How To บน iPhone หรือสามารถค้นหาแอปฯ ได้แม้เราจำชื่อแอปฯ นั้นไม่ได้, In-App Actions เราสามารถสั่งงานต่าง ๆ ผ่านเสียงได้ เช่น สั่งให้หารูปที่ต้องการ ตกแต่งรูป และนำรูปนั้นไปไว้ในโน้ต ซึ่งทั้งหมดสามารถทำได้เพียงแค่สั่ง Siri โดยไม่ต้องแตะหน้าจอแม้แต่นิดเดียว

Writing Tools เราสามารถเลือกข้อความที่เขียนไว้ เช่น เมล จากนั้นให้ AI ช่วยแก้ไขข้อความตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนให้เป็นทางการขึ้น เป็นกันเองขึ้น, สามารถเปลี่ยนข้อความธรรมดาให้เป็นบทกวีได้ มี Smart Reply สามารถเลือกตัวเลือกในการตอบได้ ตามปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงการสรุปเมลบนหน้าแสดงแท็บ รวมถึงในหน้าเนื้อหาเมลได้ด้วย รวมถึงสามารถจัดลำดับความสำคัญในเมลได้, มีฟีเจอร์ Reduce Interruptions ที่สามารถจัดการข้อความที่เราต้องการให้แสดงน้อยลงได้

Genmoji เราสามารถออกแบบอิโมจิด้วยตัวเองตามที่เราต้องการได้

Image Playground เราสามารถสร้างภาพจากพรอมต์ที่เราเลือกตามสไตล์ต่าง ๆ และนำไปใช้งานได้ และนอกจากจะสามารถใช้งานบนแอปฯ Message ได้แล้ว ยังสามารถใช้งานบน Keynote รวมถึงแอปฯ อื่นๆ ของ Apple ได้ด้วย

Image Wand เป็นแอปฯ ที่อยู่ในอุปกรณ์ของ iPad สามารถวงกลมภาพสเกตช์เพื่อให้เราออกแบบให้ออกมาตามต้องการได้ รวมถึงวงกลมที่ว่างเพื่อ Generate ภาพไปเติมได้

Search Videos สามารถค้นหาวิดีโอที่เรามีตามคำสั่งได้

Clean Up ฟีเจอร์ลบภาพหรือวัตถุที่เราไม่ต้องการบนพื้นหลังของภาพถ่ายเราได้

Note สามารถบันทึกเสียงเพื่อนำข้อความมาสรุปความได้

พัฒนา AI ร่วมกับ Chat-GPT ผ่านโมเดล GPT-4o โดยเราสามารถใข้งานผ่าน Siri ได้ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยแต่งนิทาน หรือช่วย Generate ภาพต่าง ๆ สามารถใช้งานฟรี โดยฟีเจอร์ AI จะมาให้ใช้งานบน iPhone 15 Pro และ iPad และ Mac ที่ใช้ชิป M1 ต่อไปในอนาคต และจะเปิดให้ใช้งาน iOS 18 Beta, iPadOS 18 Beta, และ macOS Sequoia Beta ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ และบางฟีเจอร์อาจมาให้ใช้งานในปี 2025

ที่มา: pptvhd36.com/news/ไอที/225845